เลือกสถานที่แต่งงานตรงใจ งานก็ลงตัวไปได้มากกว่าครึ่งนึง
คอนเซ็ปต์ร่วมกันตลอดงานเช้าและเย็นของแป้ง คือการจัดงานในสถานที่แต่งงานที่เป็น Outdoor ค่ะ เราพยายามมองหาร้านอาหาร หรือ Wedding Place เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ สำหรับงานเช้าเราเลือกใช้บริการที่ SubDio Garden (ซับดิโอ การ์เด้น) ส่วนงานเย็นใช้ที่ Hidden Backyard (ฮิดเด้น แบ็กยาร์ด) ค่ะ
ในส่วนของงานหมั้น เราเชิญแขกผู้ใหญ่ไปทั้งหมดประมาณ 100 คน ตอนแรกที่บ้านตั้งใจอยากให้แป้งใส่เป็น Wedding Dress แบบสั้น แต่แป้งคิดว่านานๆ ที เราจะได้มีโอกาสใส่ชุดไทย ก็ใส่ให้ครบไปเลยทั้งบ่าวสาวดีกว่า ส่วนพิธีข้างในก็ผสมผสานกันหลายอย่างมาก มีทั้งรดน้ำสังข์และยกน้ำชา และอื่นๆ อีกตามแต่ที่ผู้ใหญ่เห็นสมควร
สนุกเกินใคร ใน Wedding Party สไตล์เรา
สำหรับงานเย็นที่ Hidden Backyard ที่นี่เขาจะได้อารมณ์แบบดิบๆ หน่อย เพราะองค์ประกอบจะเป็นปูนเปลือยสไตล์ Loft และสวนทั้งหมด แป้งตั้งใจจะให้ออกมาในอารมณ์ปาร์ตี้ในสวน ส่วนมุมตกแต่งต่างๆ เจ้าบ่าวจะเป็นคนจัดการทั้งหมดค่ะ นอกจากพร็อพสนุกๆ ที่เอาไว้ถ่ายกันตรงแบ็คดรอปแล้ว เรายังมีสติกเกอร์ มีบอร์ดที่ทำจากไม้สนแท้แล้วนำมาเลื่อย พวกโลโก้เจ้าบ่าวก็สั่งทำพิเศษเป็นโลหะ และนำมาติดไฟ (คุณแป้งแอบกระซิบว่าเธอได้นำส่วนนี้มาใช้ประดับบ้านจริงๆ ด้วย) ส่วนมุมอื่นๆ โชคดีที่ทางร้านเขาตกแต่งไว้ส่วนนึงอยู่แล้ว อย่างตรงมุมกำแพงอิฐ เราแค่เอาของที่ดีไซน์ไว้เข้าไปแม็ตช์ ก็สวยกำลังดีเลย ไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรมากมาย
ในส่วนของมุมแสดงภาพ เราใช้วิธีปริ้นท์ภาพออกมาแล้วใส่ลงไปบนแคนวาส ก่อนจะติดทับลงไปบนบอร์ดขนาดใหญ่ มีทั้งภาพพรีเวดดิ้งที่เราถ่ายกันเอง และภาพบางส่วนจากพี่ฟลุค alwaysfluke ที่จัดแพคเกจมาให้ พาตากล้องของ Fotozeed มาถ่ายให้เป็นของขวัญวันแต่งงานค่ะ
สำหรับชุดงานเย็นของแป้ง แป้งใช้เป็นของ Jaspal ซึ่งตัดและนำมาขายจริงเพียงไม่กี่ชุดค่ะ ตอนแรกแป้งตั้งใจจะซื้อมาไว้ใช้ใส่สำหรับออกงาน แต่พอถึงเวลาใกล้ๆ วันงานจริงแล้วปรากฏว่าแป้งไม่มีเวลาไปตัดชุด ทุกร้านคิวแน่นและต้องใช้เวลานานมาก แป้งเลยนำมาอะแดปซะเลย จุดเด่นของชุดนี้อยู่ที่การปักดอกไม้รอบตัวค่ะ คัตติ้งก็โอเค ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็มีคนถามถึงกันเยอะมาก ดูเหมาะกับคอนเซ็ปต์เราที่ดูเท่ๆ สบายๆ เข้ากับคุณเจ้าบ่าวที่ใส่เอี๊ยมหูกระต่ายพอดี
ภายในงานเราจะมีมุมถ่ายรูปทั้งหมดสองส่วน นั่นคือ Tagditive กับ iFuntouch แบบแรกจะเป็นแบบที่ถ่ายรูปแล้วให้ติดแฮชแท็ก เสร็จแล้วทางร้านจะปริ้นท์ออกมาให้อยู่ในกรอบที่เราดีไซน์เอง ซึ่งในส่วนนี้เจ้าบ่าวก็ออกแบบอิลัสเป็นรูปแมวกับหมี โลโก้ประจำงานเราให้ แขกในงานก็จะได้กลับไปในกรอบสวยๆ ที่เป็นสไตล์เรา อีกส่วนจะเป็น Digital Sign Board ซึ่งจะมีช่างภาพคนนึงประจำอยู่ คอยถ่ายภาพตามมุมต่างๆ ให้ แล้วนำไปขึ้นบอร์ด ซึ่งเป็นทีวี 40 นิ้ว ทุกคนสามารถมาเขียนอวยพรกันได้สดๆ ตรงนี้ อารมณ์เหมือนเล่นตู้สติกเกอร์ จุดนี้ก็สามารถปริ้นท์ออกมาได้อีกเช่นกันค่ะ
กิมมิคอีกอย่างของเราคือ แทนที่จะมอบของชำร่วยให้โดยตรง เราก็เปลี่ยนมาเป็นมอบภาพเหล่านี้ให้ เพื่อแทนน้ำใจของแขกที่มาร่วมงาน และยังมีกิจกรรมบนเวทีที่เรามีของมาแจกอีกกว่า 100 รายการ รางวัลใหญ่สุดคือ ที่พักที่ Escape เขาใหญ่ มูลค่า 5,000 บาท ซึ่งวิธีการในการร่วมเล่นนั้นก็ง่ายมาก เพียงแค่นำการ์ดแต่งงานของเรามาฉีกส่วนท้ายเพื่อทำเป็น Blessing card แล้วนำส่วนหางมาใช้เป็นฉลากอีกทีเท่านั้นเองค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
ว่าที่เจ้าสาวต้องระวังเรื่องการดูแลผิวเป็นพิเศษ : พี่ฟลุค alwaysfluke จะเตือนแป้งตลอดเลยค่ะ ตั้งแต่วันแรกที่พี่เขารู้ว่าแป้งจะแต่งงาน เขาก็บอกห้ามไปทำอะไรแปลกๆ กับผิวหน้าเด็ดขาด เช่น เลเซอร์ หรือขัดหน้า เพราะเจ้าสาวมักจะคิดว่าวันงานฉันจะต้องสวยที่สุด ทั้งที่ความจริงมันอาจจะแพ้หรืออาจจะเห่อ กลายเป็นปื้นเป็นด่าง เราควรจะค่อยๆ ดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีและเหมาะสมกับเราดีกว่า ค่อยๆ ทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ไม่ใช่โหมทำทีเดียวช่วงใกล้วันแต่งค่ะ
คิดและเตรียมทุกอย่างให้จบ ก่อนจะถึงวันงานจริง : แป้งคิดเสมอเลยค่ะ ว่าวันงานคือวันที่เราต้องมีความสุข ไม่ใช่มัวแต่มานั่งกังวลกับอะไรหลายๆ อย่าง อะไรที่เราทำเองได้ ถ้ามีเวลาก็ทำเอง แต่อะไรที่เกินความสามารถเราจริงๆ ให้จ้างออแกไนซ์ไปเลย ดีกว่ามานั่งคุมงานเองทุกส่วนค่ะ อีกอย่างหนึ่งคือ เราควรจะจัดงานแบบที่เหมาะสมกับเราด้วย มันไม่เมคเซ้นส์ที่จะต้องไปกู้เงินมาเพื่อจัดงานใหญ่ๆ งานแป้งเองจัดในเรทแสนไม่ถึงล้าน แต่ก็ได้งานแบบที่ทุกคนแฮปปี้ร่วมกัน แค่นั้นมันก็บรรลุจุดประสงค์ของงานแต่งงานที่แท้จริงได้ไม่ยากเลย