หมั้นเที่ยงเลี้ยงเย็น ที่ VIVARIUM BY CHEF MINISTRY
แนวคิดในการจัดงานของเราง่ายมากเลยครับ คือเน้นให้เป็นแบบสะดวกสบายวันเดียวจบ เราเลือกจัดเป็นแบบหมั้นเที่ยงเลี้ยงเย็น เพื่อความสะดวกที่ทุกคนจะไม่ต้องตื่นเช้ามาก แล้วด้วยความที่เราเลือกสถานที่แต่งงานที่ VIVARIUM BY CHEF MINISTRY (วิวาเรียม บาย เชฟส์ มินิสทรี) อยู่แล้วด้วย ตัวสถานที่เขาโปร่ง มีแอร์ตลอด ดังนั้นเรื่องเวลา แดด จึงไม่เป็นปัญหา
คีย์ของทั้งสองงาน ไม่ว่าจะเที่ยงหรือเย็นคือ เราจะเชิญมาแค่ญาติและเพื่อนที่สนิทจริงๆ เท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นแต่ละรอบจึงมีแขกแค่ประมาณร้อยคน คือคัดแล้วคัดอีกจริงๆ อย่างในช่วงงานหมั้น แขกคุณพ่อคุณแม่ก็จะไม่มีเลย ซึ่งถือเป็นโชคดีที่ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเข้าใจ งานเลยออกมาได้ในแบบที่เราต้องการ
เนื่องจากเราใช้สถานที่เดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ งานตอนเช้าเลยจะเป็นโต๊ะแบบเธียร์เตอร์ คือทุกคนหันหน้าเข้าหาเวที โดยมีตารางคร่าวๆ คือ หมั้นตอน 10.09 น. แล้วยกน้ำชากันในร้าน โจทย์คือ 11.30 ทั้งร้านต้องกลายเป็นร้านอาหาร เพื่อให้บ่าวสาวและแขกได้นั่งทานข้าวร่วมกัน ดังนั้นช่วงเวลาระหว่างนั้น เราเลยจัดหากิจกรรมให้แขกทำ เรามองว่าผู้ใหญ่เขาอยากได้รูปที่จับต้องได้เลยมากกว่า เพราะเขาไม่อินกับการได้รูปในมือถือ เราเลยเตรียมช่างภาพที่เขาสามารถถ่ายภาพ แล้วมอบภาพให้แขกได้เลยเอาไว้ กลายเป็นว่าช่วงเวลาระหว่างรอร้านพร้อม เราก็ได้มีโมเม้นท์คุยกันสนุกๆ และถ่ายรูปเพลินๆ เข้ามาแทน
หลังจากนั้นพอร้านพร้อม เราก็เข้าไปทานอาหารแบบฟูลคอร์สกัน ซึ่งประกอบกับแขกที่มางานเราคือญาติของทั้งสองฝ่ายล้วนๆ บรรยากาศเลยสบายๆ ไม่เกร็ง เป็นเหมือนวันรวมญาติมากกว่า ส่วนของชำร่วยที่เลือกใช้ ก็เน้นให้เป็นแบบน่ารัก เล็กๆ พกพาง่าย ไม่เสียเปล่า นั่นคือต้นไม้ต้นเล็กๆ แบบที่เจ้าสาวชอบนั่นเองครับ
งานแต่งงานที่แค่ได้ยินก็อยากมา!
งานเย็นของเราจะเริ่มเร็วมาก เรานัดเพื่อนมาตั้งแต่ 17.30 น. โดยเชิญเพื่อนสนิทฝั่งบ่าวสาวมาฝั่งละ 50 คน คอนเซ็ปต์ของเราคือ เพื่อนๆ และญาติๆ ของเรา จะต้องได้มาเจอกันในงานนี้ เขาจะได้รับรู้ว่า นี่คือกลุ่มบุคคลสำคัญในชีวิตของเรา เป็นกลุ่มคนที่เรารัก แล้วแพทเทิร์นในงานของเราก็จะเปลี่ยนตามแขกที่มาด้วย นั่นคือเราไม่จำเป็นต้องมีประธานที่เราไม่รู้จัก เราไม่จำเป็นต้องมีพรีเซนเทชั่น เพราะทุกคนที่มาก็คือคนที่สนิทกับเราอยู่แล้ว ทุกคนรู้จักเราและเรื่องราวของเราดี ส่วนนี้เลยตัดออกไปได้เลย
ตอนเราเชิญแขกเป็นอะไรที่สนุก ตลก และจริงใจมาก เพราะเราบอกได้ตรงๆ เลยว่าใครจะมาบ้าง แค่บอกลิสต์รายชื่อเพื่อนคนอื่นๆ ที่เราเชิญ เพื่อนคนที่เราคุยอยู่ด้วยเขาก็อยากมาแล้ว ยิ่งตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า งานนี้ไม่มีเพื่อนพ่อเรา ไม่มีญาติเรา แค่นี้ทุกคนแฮปปี้เลย รู้เรื่องทันที
เรื่องการตกแต่งร้าน เราลงรายละเอียดไปเยอะมาก เราทำให้โซนด้านหน้าเป็นแบ็คดรอป โดยใช้ของที่ร้านมีอยู่แต่เดิม แล้วเพิ่มบางอย่างเข้าไป เวทีก็ต้องสร้างเพิ่มขึ้นมาใหม่ เกือบทั้งงานเลยเป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมด ยิ่งสำหรับงานนี้ที่เราไม่ได้ใช้ออแกไนซ์ มีแต่เพื่อนๆ มาช่วยกันทำ ทำให้พูดได้เต็มปากเลยว่า เพื่อนเราพึ่งพาได้ ฝากชีวิตไว้ได้จริงๆ (หัวเราะ)
ใช้เทคนิคการแทนที่ภาพและนามบัตร เพื่อนับจำนวนแขก Sit down dinner
เนื่องจากเราต้องเสิร์ฟอาหารให้พร้อมกันทั้งหมด ดังนั้นเราเลยเตรียมวิธีเช็คฟีดแบคแขก Sit down dinner ของเราเอาไว้ โดยใช้กำแพงแขวนนามบัตรเป็นเซ็ตติ้งหลักก่อนครับ เวลาที่แขกมาถึงงาน เราก็จะเชียร์ให้แขกไปถ่ายรูปโพลารอยด์ แล้วให้เขียนอวยพรลงไปในรูป เสร็จแล้วก็ให้นำภาพนั้นไปแขวนไว้แทนที่นามบัตรตัวเอง ทีนี้เราก็จะเห็นได้เลยว่าตอนนี้นามบัตรมันถูกแทนที่ไปด้วยภาพแล้วกี่ภาพ ใครมาแล้วและยังไม่มา พอกำแพงนั้นเต็มไปด้วยภาพ มันก็กลายเป็นแบ็คดรอปอีกอันที่มีคนมาถ่ายรูปด้วยเต็มไปหมด เป็นการจัดงานแบบ Analog มากๆ ไม่มีเซ็นชื่อดิจิตอลหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น
ตอนเดินเข้างานเราใช้ไฟเย็น แต่ข้อได้เปรียบคือ สถานที่จัดงานเป็นกระจกทั้งร้าน พอมองจากด้านในออกมาก็จะเห็นเป็นกำแพงไฟเย็น แล้วก็จะได้เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินมาตั้งแต่ต้นเลย ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็โผล่มา พิธีกรในงานก็เป็นเพื่อนสนิทของเราเอง เราตั้งเก้าอี้นั่งคุย เหมือนเพื่อนนั่งคุยกับเพื่อนให้เพื่อนฟังอีกที คนอื่นๆ ที่ฟังอยู่ก็ทานข้าวไปด้วยสบายๆ หลังจากนั้นพิธีกรก็จะถือไมค์ลงไปถามเพื่อนแต่ละกลุ่ม ให้อวยพรเราแทนประธานไปด้วย จังหวะนั้นเราก็แว่บลงไปร่วมโต๊ะทานข้าว ซึ่งก็จะมีโมเม้นท์ถูกเผากลางอากาศกันสนุกๆ เฮฮาสุดๆ
ใช้เกมส์เป็นสื่อสร้างความสนิทสนม
ตบท้ายก่อนหมดช่วงเซกชั่นทานข้าว เราก็มีให้เล่นเกมกันด้วย คอนเซ็ปต์คือเราอยากให้ทุกคนได้มารู้จักกัน เราเลยบอกล่วงหน้าไว้เลยว่า ให้ทำความรู้จักคนข้างๆ ไว้นะ เดี๋ยวเราจะเล่นเกมส์กัน แต่เราก็รู้แหละว่า ยังไงเขาก็ไม่คุยกันหรอก เราเลยเตี๊ยมกับทางร้านไว้ก่อนว่า ให้ติดสติกเกอร์ไว้ใต้จานอาหาร คนไหนที่ยกจานขึ้นมาแล้วเจอสติกเกอร์โลโก้งานเราต้องออกมาหน้าเวที แต่จริงๆ เราเลือกไว้แล้วแบบมั่นใจว่า ยังไงเขาไม่รู้จักกัน เป็นเพื่อนเจ้าสาวคนนึงเพื่อนเจ้าบ่าวคนนึง เราล็อกไว้ตั้งแต่ต้นเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่าใครจะได้นั่งตรงไหนบ้าง งานนี้เลยเข้าคาแรกเตอร์เจ้าบ่าวที่เป็นคนขี้แกล้งจริงๆ
หลังจากนั้นเราก็จะถามสิ่งที่มั่นใจว่าเขาตอบไม่ได้ เช่นอีกฝ่ายชื่ออะไร นามสกุลอะไร พอตอบไม่ได้ก็จะมีการทำโทษ โดยให้ผู้ชายใส่ชุดซานต้า แล้วผู้หญิงแต่งตัวเป็นกวาง และให้อยู่แบบนั้นไปครึ่งชั่วโมง ซึ่งจุดนั้นมันไม่มีใครอายอะไร เพราะทุกคนรู้จักกัน กลับกลายเป็นว่าพวกเขากลายจุดศูนย์กลางของการถ่ายรูปมากกว่า เหมือนเป็นมาสคอตของงาน แล้วก่อนลงจากเวที เราก็มีตั๋วหนังให้ไปดูด้วยกัน ดูเสร็จกรุณาแท็คกลับมายืนยันด้วยอีกที เป็นกิจกรรมเล็กๆ ที่ได้รับฟีดแบคดีเยี่ยมเลย (หัวเราะ)
จัด Sequence งานปังๆ เพื่อเปลี่ยนมู้ดแอนด์โทน
งานเราไม่มีตัดเค้ก ไม่มีเปิดแชมเปญ แต่เพื่อนแนะว่า ควรจะมีจุดพีคที่ช่วยเปลี่ยนให้งานกินข้าวมันกลายเป็นงานปาร์ตี้ เราคิดเสต็ปออกมาเป็นเรียกให้เพื่อนๆ ลุกจากโต๊ะกินข้าวแล้วหยิบแก้วเดินมาที่หน้าเวที แล้วบ่าวสาวก็จะหันหลังให้เพื่อนๆ เหมือนเวลานักร้องถ่ายรูปหน้าเวที แล้วช่างภาพก็จะรีบวิ่งมาบนเวที ปีนไปบนเก้าอี้ เพื่อเก็บช็อตที่มีบ่าวสาวอยู่ข้างหน้า ร่วมซีนเดียวกับแขกร้อยกว่าคน
ระหว่างนั้นที่ทุกคนกำลังถ่ายรูปกันอยู่ สต๊าฟจากทางร้านก็จะเคลียร์โต๊ะและเก้าอี้ พอถ่ายเสร็จปุ๊บเพลงแดนซ์ก็จะขึ้นมาแล้วไฟก็ดับพรึ่บ ทุกคนในงานตกใจหมด แล้วบ่าวสาวก็จะชี้ไปที่พลุด้านนอกร้านที่ถูกจุดขึ้น เป็นสัญญาณว่าเข้าสู่ช่วง After Party ได้เลย พอเพื่อนสนุกกันถึงขีดสุดเราค่อยโยนดอกไม้ จะได้ไม่ต้องบิ้วด์อารมณ์มาก งานนี้เราตั้งใจอยากให้สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ รวมไปถึงกิมมิคทุกอย่างในงานเลยจริงๆ ก็ได้ออกมาตามนั้น ถือว่าได้ฟีดแบคที่ดีสมกับที่ตั้งใจเลยครับ
แนะนำบ่าวสาว
ร่วมด้วยช่วยกัน (นะเพื่อน) : อย่างแรกคือต้องลิสต์สิ่งที่ตัวเองอยากได้ลงไปในกระดาษก่อนเลยครับ แล้วถ้าทั้งสองฝ่ายตรงกัน ทุกอย่างก็จะง่าย แต่ต้องตกลงกันเองให้ได้ก่อน ก่อนที่จะไปคุยกับผู้ใหญ่ ไม่อย่างนั้นจะผิดใจกันในที่สุด ที่สำคัญมากๆ เลยคือ ถ้าเรามีเพื่อนที่ดี เพื่อนจะช่วยเราได้เยอะมาก อย่าทำกันเองสองคน คู่เราโชคดีที่มีเพื่อนมีความสามารถ ฝั่งเพื่อนเจ้าบ่าวก็ดูแลเรื่องแสงสีเสียงไป เพื่อนเจ้าสาวก็ดูเรื่องออแกไนซ์งาน ลงดีเทลงานแฮนด์เมดทุกอย่าง วันงานจริงทุกคนแฮปปี้กันสุดๆ บ่าวสาวก็ไม่กังวล งานออกมาสนุกสมใจ