The Apothecary Venueสถานที่แต่งงานเปิดใหม่ สวยมัดใจสไตล์ฝรั่ง
เราเลือกสถานที่แต่งงานที่ The Apothecary Venue (ดิ อะพอธธิคารี เวนิว) เพราะว่าเป็นของเพื่อนสนิทผม ซึ่งคือบันกับเฟิร์นครับ ตอนเขาจัดงานแต่งของตัวเองก็สไตล์นี้เลย เราสองคนก็ไปด้วยกัน เป็นงานเล็กๆ ในสวน เห็นแล้วก็รู้สึกชอบเลย ทีนี้พอบันจะเปิดตัวสถานที่นี้ก็เลยตั้งใจว่าจะไปประเดิม
ตัวสถานที่จะออกแนวลุคฝรั่งเลยครับ มีทั้งเรือนกระจกที่เราสามารถจัดงานหมั้นได้ แล้วก็ในสวนไว้จัดพิธี กับฮอลล์สำหรับจัดเลี้ยงทานข้าว เรื่องดีไซน์ก็ไม่ต้องห่วง เพราะเฟิร์นเขาอาร์ตมาก ไว้ใจได้เลยว่าเต็มที่ ออกมาสวยแน่นอน ที่นี่ดีสุดๆ ตรงที่ไปที่เดียวก็ได้ครบทั้งสถานที่และทีมจัดงาน
ขันหมากด่านสนุก
เรื่องลำดับพิธี เราเริ่มกันที่แห่ขันหมากก่อน มีด่านร้องเพลงสนุกๆ ซึ่งเป็นด่านที่ผมว่ายาก และมั่นใจว่าต้องเจอแน่ๆ ซึ่งก็เจอจริงๆ ด้วย (หัวเราะ) อีกอันคือให้บอกข้อดีเจ้าสาวมา 20 ข้อ ผมเลยตอบตามเพลงคำขวัญเด็กดีไปเลย ลดไปได้ 10 ข้อเต็มๆ (ฮา)
หลังจากนั้นก็มีพิธีสู่ขอ รับตัวเจ้าสาว แล้วก็สวมแหวนครับ แต่ช่วงนี้เราจะสวมแค่แหวนของเจ้าสาวอย่างเดียว ส่วนเจ้าบ่าวรอไปสวมในสวนช่วงเที่ยง เหมือนขอหมั้นฝ่ายหญิงไว้ก่อน
ถัดมาอีกนิดก็เป็นช่วงยกน้ำชา ต่อด้วยพิธีสงฆ์ แต่เนื่องจากพี่ชายของผมบวชมาได้ 6 ปีแล้ว และเราก็อยากให้เขาได้มาร่วมงาน เลยต้องปรับลำดับงานให้เหมาะสมกับการเดินทางของเขานิดนึง เนื่องจากจำวัดอยู่ที่ฉะเชิงเทรา
อบอุ่นแต่ดูเท่ เก๋ด้วยสีโทน Classy
การตกแต่งเอ้าท์ดอร์เรากำหนดหลักๆ แค่เรื่องสี คือ Burgundy กับ Navy ส่วนเพื่อนๆ ให้ใส่สีเทา นอกจากนี้เรายังมีวงดนตรีสดในงาน เน้นเล่นเพลงแจ๊สฝรั่งคลอๆ ไป และด้วยความที่เรากลัวร้อน จะกางผ้าก็กลัวบังซีน เลยเตรียมร่มเตรียมหมวกให้ซะเลย เป็นพร็อพกันแดดที่ดูสนุกดี
พวกการ์ดต่างๆ เพื่อนผมเป็นคนออกแบบให้ เป็นภาษาอังกฤษล้วนแบบที่แขกวัยรุ่นน่าจะชอบ โรงพิมพ์ก็ของเพื่อนเราเอง เขาพิมพ์ให้ฟรีเลย ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
ของชำร่วยเราต่อยอดออกมาเป็นไพ่ มีหน้าบ่าวสาวเป็นคิงกับควีน ตรงกล่องเขียนประมาณว่า I’m the king, you’re my queen ตอนแรกก็กลัวผู้ใหญ่จะว่าเหมือนกัน แต่พอถึงหน้างานจริงทุกคนดูถูกใจ ก็เป็นอันว่าสบายใจไปได้เปลาะนึง (หัวเราะ)
บรรยากาศดี งานนี้ไม่ต้องมีแบ็คดรอป
ตอนช่วงเบรกเราเผื่อเวลาให้เจ้าสาวได้ไปเปลี่ยนชุดเที่ยง แล้วก็เริ่มพิธีในสวน ซึ่งงานนี้จะไม่มีแบ็คดรอป เพราะตัวสถานที่เขาสวยอยู่แล้ว และเราก็ตั้งใจอยากให้ทุกมุมเป็นมุมถ่ายรูปจริงๆ
สำหรับช่วงนี้ เจ้าบ่าวจะไปรออยู่ตรงพิธีด้านหน้า แล้วเจ้าสาวก็จะควงคุณแม่เข้ามา มีแลกแหวนแต่งงาน แล้วก็ให้เพื่อนสนิทและครอบครัวฝ่ายละ 3 คนขึ้นมาพูดสปีชกัน โมเม้นท์นี้เป็นช่วงที่ซึ้งมากเลย ทั้งๆ ที่เป็นตอนเที่ยงซึ่งอากาศร้อน แต่ทุกคนก็ยังอิน และประทับใจไปกับความอบอุ่นของมัน
จบจากช่วงนี้แล้วเราก็ย้ายกันไปในฮอลล์ โดยที่ที่นั่งแต่ละคนจะมีการ์ดเขียนบอกไว้ ว่าใครนั่งตรงไหนบ้าง แต่ที่พีคคือเราอยากใช้คำเรียกญาติในแบบของเราจริงๆ ดังนั้นเราเลยพิมพ์คำว่าตั่วกู๋ ซี้โกวอะไรแบบนี้ทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย (หัวเราะ)
การจัดเลี้ยงตรงนี้ จะเป็นค็อกเทลกับบุฟเฟ่ต์ แต่โต๊ะเราเหมือนซิทดาวน์ มีอาหารวางเซ็ตตรงกลางแบบ High Tea แล้วก็มีบริการเดินเสิร์ฟเรื่อยๆ เลย ใครอิ่มแล้วก็ไปถ่ายรูปฟังเพลงกัน ซึ่งงานนี้เวิร์คตรงที่มีโต๊ะสำหรับบ่าวสาวและครอบครัวได้นั่งทาน อิ่มเอมกันทุกฝ่ายถ้วนหน้าจริงๆ
แนะนำบ่าวสาว
เพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง : งานแต่งงานจะสมบูรณ์ได้ก็เพราะเพื่อนๆ นี่แหละครับ นอกจากบรรยากาศจะอบอุ่นแล้ว เพื่อนก็ยังช่วยงานเราได้เยอะมาก ทั้งพวกเรื่องธีมงาน การตกแต่ง การแพลนงานทุกอย่าง โชคดีที่มีทุกคนช่วยกันอยู่ สัมผัสได้ถึงความรักกันจริงๆ เป็นงานที่ทำออกมาด้วยความทุ่มเทและตั้งใจมากๆ เลย