เริ่มต้นงานให้ดี เทคนิคอยู่ที่ทำใจสบายๆ
แอนเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานที่ Noeud d'Amour Saraburi (นูดามัวร์ สระบุรี) ทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ งานเช้าเป็นแบบไทยล้วน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความยืดหยุ่น อย่างเราเคลื่อนขบวนขันหมากตอน 9.09 น. แต่ด้วยความที่กั้นประตูเยอะ เวลาสวมแหวนหรืออะไรต่อจากนั้นก็จะคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่เราโชคดีที่ได้นายพิธีที่ดีด้วย คอยแนะนำเราตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน ว่าให้ทำใจสบายๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันนั้นมันก็ยังเป็นวันที่ดีค่ะ ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า
สำหรับงานเย็น แอนกับปัทม์ไม่อยากกำหนดคอนเซ็ปต์หรือธีมสีไว้ เพราะอยากให้แขกใส่สีอะไรก็ได้มาในงานค่ะ
การตกแต่งเราอยากเน้นตัวบ้านของ Noeud d'Amour เป็นหลัก เลยคุยกับทางแพลนเนอร์ไว้ว่า เราไม่อยากให้เอาวงดนตรีมาวางไว้ตรงหน้าบ้านเหมือนงานอื่นๆ แต่อยากให้ย้ายไปไว้ตรงส่วนกรอบด้านข้างดีกว่า และเพื่อขับความสวยงามของบันไดด้านหน้า ก็ให้แต่งด้วยดอกไม้โทนสีพาสเทลเข้าไปเพิ่มค่ะ
เล่าเรื่องผ่านรูป
คาแรกเตอร์ของคู่เราจะดูสบายๆ ไม่มีการถ่ายพรีเวดดิ้ง และด้วยความที่เราคบกันมา 11 ปี เพราะฉะนั้นถ้าใช้รูปที่ถ่ายกันมาจริงๆ เลย ยังไงก็มีพอใช้แน่นอน (หัวเราะ) แอนคิดว่าวิธีนี้จะทำให้แขกได้มองเห็นเรื่องราว ได้เห็นความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ ผ่านรูปที่ประดับตกแต่งด้วยค่ะ
เราดีไซน์ Flow การเดินให้แขกเดินอ้อมเล็กน้อย เพื่อให้ได้ซึมซับกับบรรยากาศ ซึ่งทางทีมแพลนเนอร์ก็จะมีสต๊าฟคอยไกด์ไลน์ทางอยู่ แล้วก่อนเริ่มงานเราก็จะให้เพื่อนๆ มาช่วยดูแลญาติของทั้งสองฝ่ายค่ะ
เมื่อแขกเดินเข้ามาภายในงานแล้ว อย่างแรกที่เขาจะได้รับไปก็คือของชำร่วย ซึ่งเป็นถุงผ้าพิมพ์ลาย มีให้เลือกทั้งหมดสองสีค่ะ นอกจากนี้เรายังมีจัดเตรียมคัพเค้กไว้สำหรับเด็กๆ ด้วย เป็นสีหวานๆ น่ารัก น่าจะถูกใจเด็กๆ เลยล่ะ
ตรึงความสนใจด้วยสปอร์ตไลท์
ในช่วงเปิดตัว สิ่งเราเน้นที่สุดคือเรื่องการใช้แสงค่ะ เจ้าบ่าวจะเป็นคนเดินเปิดประตูออกมาจากชั้นสองของบ้านก่อน จังหวะนี้ก็จะมีไฟฟอลโล่วจับ มีดนตรีดังขึ้น พอเขาเดินเข้ามาอยู่ที่แสตนเรียบร้อย ไฟก็จะเปลี่ยนไปจับอยู่ที่คุณพ่อของเจ้าสาวซึ่งอยู่อีกด้าน แล้วท่านก็จะพาเจ้าสาวเดินมาส่งให้เจ้าบ่าวค่ะ ตอนนั้นทุกอย่างจะมืดหมด แขกจะเห็นแค่เจ้าบ่าว เจ้าสาว และคุณพ่อเท่านั้นค่ะ
หลังจากนั้นเราก็จะเดินไปที่เวที ซึ่งอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน แล้วก็เริ่มพิธีการด้วยการเชิญผู้ใหญ่ขึ้นมาพูด มีตัดเค้ก แล้วก็มอบให้คุณพ่อคุณแม่ โดยที่จะไม่ได้นำเค้กไปให้ที่โต๊ะค่ะ แต่จะเป็นการเชิญคุณพ่อคุณแม่และญาติคนสำคัญๆ มานั่งตรงเก้าอี้ที่เราเซ็ตไว้ ตบท้ายด้วยการให้เจ้าบ่าวโยนกล่องเหล้า แล้วเจ้าสาวก็โยนดอกไม้
เซอร์ไพรส์ด้วยการเต้น
อย่างสุดท้ายที่เราเตรียมไว้ คือเซอร์ไพรส์โชว์เต้นจากบ่าวสาวค่ะ งานนี้เราแอบซุ่มซ้อมกันอยู่เป็นเดือน ตอนแรกเราจะเลือกเพลง Sugar ของ Maroon5 แต่ด้วยความที่เจ้าบ่าวอยู่กรุงเทพ เจ้าสาวอยู่สระบุรี เราเลยซ้อมกันได้แค่เสาร์อาทิตย์ ลงท้ายพอเวลาเริ่มกระชั้นชิดขึ้น เราเลยขอเปลี่ยนไปเป็นเพลงที่เป็นตัวเราเองดีกว่า (หัวเราะ) แบบฟังทีไรก็ยิ้ม ก็เลยเลือกเป็นเพลงไทย เพลงเธอที่รัก (ชูวับ) ของ Paradox เพื่อนๆ มามุงถ่ายรูปกันใหญ่เลย เป็นเซอร์ไพรส์ที่ไม่มีใครรู้เลยนอกจากเราจริงๆ
แนะนำบ่าวสาว
(เจ้าสาว) ดูบัทเจดของเราก่อน : ว่ามีเท่าไหร่ ให้ความสำคัญกับอะไรบ้าง และอยากได้งานแต่งงานแบบไหนค่ะ ลองจับไอเดียต่างๆ มาผสม ไม่ต้องหรูหรามากก็ได้ แต่เน้นให้อบอุ่น แล้วก็ดูเรื่องทีมงานที่จะมาทำงานให้เรา รู้จักเผื่อใจให้กับความไม่แน่นอน เพราะวันจริงมันมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ
(เจ้าบ่าว) เป็นตัวของตัวเอง : ไม่ต้องรีบร้อนมากว่าเราอยากได้แบบไหนครับ เพราะบางทีเราอยากได้ แต่ไม่รู้ว่ามันเหมาะกับเราไหม และทำไปเพื่ออะไร เราไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่นหมด ดีไซน์งานให้เป็นตัวเองดีกว่า