Le Méridien Bangkok สถานที่แต่งงานตอบโจทย์ทั้งแขกผู้ใหญ่และวัยรุ่น
เราสองคนตั้งโจทย์ไว้ว่าข้อแรกสถานที่แต่งงานต้องอยู่ใกล้บ้านคุณโอ๊ต (เจ้าบ่าว) คือย่านสีลม-สาทร ข้อสองห้องจัดเลี้ยงต้องมีความโปร่ง โล่ง สบาย และไม่อึดอัดค่ะ ซึ่งเราหาโรงแรมอยู่หลายแห่ง จนคุณโอ๊ตไปเห็นรีวิวสถานที่แต่งงาน Le Méridien Bangkok (เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ) จากเว็บ SabuyWedding พอได้ไปดูสถานที่จริงแล้วยิ่งรู้สึกประทับใจค่ะ ตอบโจทย์เราได้ทั้งสองข้อเลย เป๊ปชอบที่ตัวห้องจัดเลี้ยงไม่ใหญ่จนเกินไป มีความทันสมัย ดีไซน์เก๋ ไม่จำเจกับรูปแบบเดิมๆ เราจึงตัดสินใจเลือกที่นี่ค่ะ
อีกอย่างที่เป๊ปประทับใจคือทีมเซลล์ ดูแลใส่ใจให้คำแนะนำดีมาก ประสานงานง่าย เป็นกันเอง ทำให้เรารู้สึกไว้วางใจค่ะ
งานของเป๊ปมีแขก 200 คน ใช้พื้นที่จัดเลี้ยงห้องบอลรูม Grand Atelier ชั้น 4 ซึ่งรวมกับโซนด้านนอกที่เป็น Bamboo Chic Bar ด้วยค่ะ ความน่าสนใจคือ ภายในห้องจัดเลี้ยงมีโซนชั้นลอยบนชั้น 5 ที่เชื่อมต่อกัน แขกสามารถมองเห็นบรรยากาศของงานได้ทั้งหมดผ่านทางระเบียง อารมณ์แบบ Bird Eye View เลยค่ะ
ด้วยความที่เป๊ปกับคุณโอ๊ตเป็นข้าราชการ มีแขกผู้ใหญ่ค่อนข้างมาก เราจึงแบ่งโซนชัดเจน โดยให้แขกผู้ใหญ่นั่งโต๊ะ VIP แบบ Long Table ที่โซนขวาของเวที จัดเลี้ยงแบบ Western Set Menu ส่วนแขกทั่วไปจัดเลี้ยงแบบ Cocktail จะอยู่อีกโซนในห้อง กับบริเวณชั้นลอย และ Bamboo Chic Bar ซึ่งเป๊ปว่ามันเวิร์คมาก แขกไม่รู้สึกแน่นหรืออึดอัด ห้องจัดเลี้ยงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่นเลยค่ะ
หลังจากโดนขอแต่งงานเป๊ปเปิดดูชุดเจ้าสาวเป็นอันดับแรกเลยค่ะ (หัวเราะ) เลือกอยู่หลายร้านเหมือนกัน จนมาถูกใจที่ร้าน Amata Wedding Studio เขาออกแบบชุดได้สวย อลังการ ด้วยดีไซน์ที่มีความเนี๊ยบ เรียบ และมีดีเทล จึงเลือกร้านนี้ค่ะ
คอนเซ็ปท์เรียบง่าย แต่โรแมนติก
เพราะเป๊ปชอบอะไรที่เรียบๆ คอนเซ็ปท์จึงเป็นธีมสีครีมเบจทอง และเป็น Dress Code ของแขกด้วยค่ะ เป๊ปกับคุณโอ๊ตเรามีความชอบคล้ายกัน จึงครีเอทและแพลนงานเองโดยไม่มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะเราอยากจะสื่อความเป็นตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งเป๊ปใช้บริการทีมบริษัท Hom-Whan Wedding and Event เป็นออแกไนเซอร์และรันคิวให้ค่ะ เป๊ปถูกใจตรงที่เขาจัดดอกไม้สวยมาก ดูมีดีเทล เพื่อนๆ เจ้าสาวก็ชมว่าทีมนี้เขารันคิวเป๊ะ ดูแลดี ทำตามสเต็ป และ Sequence งานได้ดีมากค่ะ
เนื่องจาก Le Méridien Bangkok มีความเก๋อยู่แล้ว เราจึงไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมายเลยค่ะ ตั้งแต่เดินออกจากลิฟต์ เราจัดให้มีภาพถ่ายขนาดใหญ่ของเป๊ปกับคุณโอ๊ต พื้นทางเดินเชื่อมมายังห้องจัดเลี้ยงจะเป็นกระจกใสและคริสตัล เดินเข้ามาด้านขวาจะเป็นจุดลงทะเบียน
เราเลือกของชำร่วยเป็นสบู่รูปไอศกรีม ที่มีส่วนผสมของทองคำ ซึ่งแขกดูชอบเพราะเป็นของที่ใช้ได้จริงค่ะ ส่วนตรงข้ามโต๊ะลงทะเบียนจะเป็น Backdrop สำหรับถ่ายรูป ตกแต่งเป็นดอกไม้โทนสีขาวครีม มีย้อมทองนิดหน่อย แซมด้วยคริสตัล และประดับชื่อของเราค่ะ
ภายในห้องจัดเลี้ยงเป๊ปทำให้เป็นบรรยากาศอบอุ่นใต้แสงเทียนค่ะ จุดเด่นของห้องคือมีแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ ดูหรูหรา เราจัดไฟให้มืดนิดนึง มีเทียนจริงประดับบนโต๊ะแขก บรรยากาศจึงโรแมนติกมาก ตรงกลางเวทีจะห้อยระย้าเป็นคริสตัลยาวลงมา และมีโลโก้ชื่อของเราสองคน
ส่วนเค้กสแตนด์ของ Le Méridien Bangkok เราใช้ Croquembouche แทนเค้ก ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ เป๊ปเลือกสีขาวครีมให้เข้ากับธีมงาน และจัดดอกไม้สไตล์ Little Garden ค่ะ
อีกอย่างเวทีของ Le Méridien Bangkok จะยกสเต็ปขึ้นมาแค่ 2-3 ขั้น ซึ่งมันไม่ได้สูงจนเกินไป ตรงกับความต้องการของเราสองคนที่อยากใกล้ชิดกับแขก ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศทุกอย่างที่เกิดขึ้น หรือเวลาเรากล่าวขอบคุณจะได้เห็นสีหน้าของทุกคนชัดเจนค่ะ
ในส่วนของเมนูอาหารสำหรับแขก VIP จะจัดเป็น Western Set Menu ค่ะ ฟีดแบคจากแขกค่อนข้างดี หลายท่านก็ชอบ โดยเฉพาะปลาหิมะพันพาร์ม่าแฮม ส่วน Cocktail อาหารอร่อยทุกเมนู แต่ที่แขกชมสุดๆ เลยคือส้มตำใน Food Stall ค่ะ เซอร์ไพรส์มาก (หัวเราะ)
พิธีการเรียบง่าย ได้ใจแขก
งานของเป๊ปใช้เพลงเปิดตัว Can't Help Falling In Love - Elvis Presley โดยวงดนตรี Pup Pa Da บรรเลงเพลงนี้ขณะที่เราสองคนเดินเข้างานค่ะ ระหว่างนั้นเพื่อนเจ้าสาวจะโปรยกลีบกุหลาบสีขาวตลอดทางเดิน เมื่อเราขึ้นไปบนเวที พิธีกรซึ่งเป็นเพื่อนสนิทถามคำถามทั่วไป จากนั้นก็เชิญประธานขึ้นกล่าวคำอวยพร เราสองคนมีกล่าวขอบคุณแขกเล็กน้อย ต่อมาก็เทคาราเมลราด Croquembouche และโยนช่อดอกไม้เป็นอันจบพิธีค่ะ
สำหรับงาน After Party ตอนแรกเป๊ปตั้งใจว่าจะจัดเป็น Private Party เล็กๆ อีกห้องนึง แต่บังเอิญไปเจอรองเท้าปาร์ตี้ ซึ่งมันน่ารักมากกก มีคริสตัลวิ้งๆ แล้วห้อง Grand Atelier ก็เหมาะสำหรับจัดปาร์ตี้อยู่แล้ว และเราสามารถใช้โซน Bamboo Chic Bar ได้ เลยตัดสินใจว่า โอเค จัดเต็มไปเลยดีกว่า (หัวเราะ)
เราใช้ DJ EDM มาเปิดแผ่นทำให้บรรยากาศสนุกสนาน โดยเปิด After Party ด้วยการริน Champagne Tower ที่ Le Méridien Bangkok จัดไว้ให้ค่ะ นอกจากนี้มีเซอร์ไพรส์นิดนึงจากเพื่อนเจ้าสาว เป็นวีทีอาร์ที่เขาแอบถ่ายเอาไว้ ตอนเป๊ปไปฝึกทำเค้กวันเกิดให้คุณโอ๊ตกับน้องๆ ที่ทำงานค่ะ
เป๊ปประทับใจทุกอย่างในงานเลยค่ะ อันดับแรกคือสถานที่ Le Méridien Bangkok รูปแบบห้องมันตอบโจทย์ความต้องการของเราได้เป็นอย่างดี รวมถึงบรรยากาศในงาน เป๊ปยังจำความรู้สึกบนเวทีได้ทั้งหมด โดยเฉพาะตอนเรากล่าวขอบคุณแขก แล้วรับรู้ได้ถึงสิ่งดีๆ ที่เขาส่งกลับมาให้เรา
อีกอย่างคือการประสานงานของทีมเซลล์ ที่ทำให้ทุกอย่างมันดูสมูธ เพราะคอนเซ็ปท์ของเราถึงจะเรียบง่ายแต่มันไม่ง่าย ด้วยรายละเอียดของแขกที่มีผู้ใหญ่ค่อนข้างมาก และดีเทลงานของเรา ซึ่งทีมเซลล์สามารถทำให้งานราบรื่นจนจบค่ะ แถมอาหารอร่อย แขกทุกคนเอนจอย เพราะอาหารถือเป็นปัจจัยหลักของงาน ที่จะสร้างความประทับใจให้กับแขก หลังจากจบงานยังมีคนมาถามเลยค่ะ ว่าไปเจอโรงแรมนี้ได้ยังไง มันเก๋มาก แม้กระทั่งแขกผู้ใหญ่ก็ยังชอบ
สุดท้ายก็เป็นทีมออแกไนเซอร์ที่มีความเป็นมืออาชีพ เขาสามารถทำให้งานเราออกมาได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เราคิดเอาไว้ เป๊ปแฮปปี้มากค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
ศึกษาข้อมูลจากเว็บ : เพราะปัจจุบันนี้มีสื่อหลากหลายช่องทาง ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลให้บ่าวสาววางแผนด้วยตัวเองได้ไม่ยาก อย่างเว็บ SabuyWedding ก็เป็นอีกช่องทาง ที่ให้ข้อมูลดีๆ ในการเตรียมตัวค่ะ
กำหนดและเผื่อบัดเจท : เราสองคนโชคดีที่ทางบ้านให้อิสระเต็มที่ไม่ตีกรอบ เราจึงปรึกษา เอาความชอบของเรามาคุยกัน และกำหนดบัดเจทค่ะ ซึ่งเป๊ปแนะนำว่าเราควรเผื่อเอาไว้สัก 15% เพราะระหว่างการเตรียมงานมันจะมีเหตุการณ์ที่สามารถทำให้เราเปลี่ยนแผนได้ตลอด ไม่ว่าจะเพราะปัจจัยภายนอกหรือเพราะตัวเราเอง ถ้าเราเตรียมบัดเจทในส่วนนี้ไว้ จะช่วยทำให้การเตรียมงานของเราสมูธค่ะ
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
สถานที่แต่งงาน:
Le Meridien Bangkokชุดแต่งงาน:
Amata Wedding Studio