The St. Regis Bangkok สถานที่แต่งงานวิวสวย ห้องใหญ่ โปร่งสบาย
ตอนที่รู้ว่าจะแต่งงานแอมชอบหาข้อมูลต่างๆ ก่อน เคยเข้าเว็บ SabuyWedding ด้วยนะคะ ไปดูบทความแนะนำสถานที่ ไอเดีย รู้สึกว่ามีรูปภาพสวยและรายละเอียดดีค่ะ แล้วก็มาหาสถานที่แต่งงาน ซึ่งได้เลือกเป็นโรงแรม The St. Regis Bangkok (เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ) ค่ะ
ที่ตัดสินใจเลือกแต่งงานที่นี่ เหตุผลแรกเลยเพราะความประทับใจ ตั้งแต่เข้าไปเรารู้สึกเลยว่าเขามี Service Mind ที่ดี แล้วเมื่อได้เห็นตัวห้องบอลรูมก็รู้สึกว่าตอบโจทย์กับงานของเราที่ตั้งใจจะจัดแบบพิธีคริสต์ด้วย ตัวห้องเป็นแนวลึกพอที่จะทำทางเหมือนทางเดินในโบสถ์ได้ มีความโล่ง โปร่ง คิดว่าผู้ใหญ่น่าจะชอบ และอีกอย่างที่เราชอบคือวิวค่ะ วิวด้านนอกที่มองจากบริเวณที่จัดงานสวยมากๆ
ตกแต่งสวยหวาน มีกิมมิคด้วยโทนสีฟ้าชมพู
แอมกับเจ้าบ่าวชอบเดินทางท่องเที่ยว จึงได้เปรียบความรักของเราว่าเหมือนการเดินทางที่มีการเติบโตจากการไปแต่ละที่ด้วยกัน ดังนั้นเลยอยากได้งานที่มีคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการเดินทาง ซึ่งเราก็ได้ดีไซน์ตั้งแต่การ์ดเชิญให้เป็น Boarding Pass เลยค่ะ
ส่วนเรื่องการตกแต่ง ทางทีมตกแต่งก็ได้ดีไซน์งานให้เหมือนอยู่ในสนามบิน พยายามให้ออกมาดูมินิมอล มีความเท่นิดๆ ไม่เน้นดอกไม้เยอะ และดูมีเอกลักษณ์ให้จดจำได้แบบที่เราต้องการ โดยจะใช้โทนสีชมพูที่แอมชอบกับสีฟ้าที่เจ้าบ่าวชอบเป็นหลักค่ะ
ส่วนหน้างานเราจัดให้มีป้าย ซุ้ม สเตชั่นต่างๆ เหมือนในสนามบิน มีส่วนอุโมงค์แกลอรี่ที่ดีไซน์ให้ดูโปร่ง และเพิ่มกิมมิคโดยการเล่นแสงเงา ใช้สีโฮโลแกรมไล่เฉด มี Material ตกแต่งห้อยระย้า ซึ่งการติดภาพ เราจะติดลงบนฉากขนาบทางเดิน โดยจะใช้เป็นภาพพรีเวดดิ้งที่สื่อให้เห็นไลฟ์สไตล์ตั้งแต่การทำงาน ท่องเที่ยว จนถึงช่วงกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็น Timeline ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันค่ะ
สำหรับในห้อง เนื่องจากเราจัดงานแบบพิธีคริสต์ จึงต้องการรันเวย์เดินเข้างานไปยังเวทีเหมือนอยู่ในโบสถ์ ดังนั้นเราจึงเลือกจัดเลี้ยงเป็นแบบ Long Table ผสมค็อกเทล เพราะรู้สึกว่าการใช้โต๊ะยาวดูสวยงามและช่วยให้แขกโฟกัสที่บ่าวสาวได้ดีกว่าโต๊ะกลม นอกจากนี้ยังทำให้จัดที่นั่งแขกได้ง่ายกว่า แขกสะดวกใจ ไม่ต้องนั่งร่วมโต๊ะหันหน้าเข้ากับคนไม่รู้จักด้วยค่ะ
เราจัดพิธีแบบคริสต์ที่ตั้งใจเปิดตัวบ่าวสาวทีเดียวตอนเริ่มพิธี จึงไม่ได้ทำ Backdrop ก็เลยไปทุ่มการตกแต่งส่วนเวทีแทนค่ะ เราไม่อยากได้เวทีฉากสี่เหลี่ยมธรรมดา จึงได้ทำซุ้มโค้งที่มีการไล่เลเยอร์และแซมดอกไม้เพิ่มเข้าไป แล้วตกแต่งฉากหลังด้วยดอกไม้กระดาษพ่นสีเงินและฟ้าให้ดูพิเศษยิ่งขึ้น ส่วนพื้นเวทีก็เพิ่มลูกเล่นด้วยการทำฐานเป็นขั้นด้วย ดูสวย มีเอกลักษณ์แบบที่ต้องการเลยค่ะ
บรรยากาศอบอุ่นกับงานพิธีแบบคริสต์
สำหรับช่วงพิธีการ เมื่อถึงเวลาเริ่มงาน ขบวนเจ้าบ่าวที่นำโดยเจ้าบ่าว ต่อด้วยคนทำพิธีและเพื่อนเจ้าบ่าวก็จะเดินเข้างานไปรออยู่บนเวทีก่อน จากนั้นแอมก็จะเปิดตัวเข้างานมากับโฮสต์มัมโฮสต์แด๊ดที่ดูแลแอมตอนที่เรียนอยู่เนเธอร์แลนด์ เพื่อเป็นการให้เกียรติท่าน เมื่อถึงกลางห้องคุณพ่อคุณแม่ของแอมก็จะมารับช่วงต่อ ก็จะเป็นโมเม้นต์น่ารักๆ ที่ทั้ง 4 ท่านได้มีส่วนร่วมค่ะ
หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ส่งแอมให้เจ้าบ่าวที่เวทีแล้วก็จะเริ่มทำพิธีค่ะ โดยเราได้มีการกล่าวคำปฏิญาณและแลกแหวนกัน ซึ่งเมื่อเสร็จพิธีแล้วเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะเดินไปตั้งขบวนโปรยดอกไม้ส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกจากห้องค่ะ
งานเรายังมีกิจกรรมต่ออีกช่วงค่ะ ซึ่งช่วงนี้จะมีความเป็นกันเองมากขึ้น หลังจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวเปิดตัวเข้างานมาอีกครั้ง เราก็ได้ให้เพื่อนสนิทฝั่งละ 4 คนขึ้นมาพูดเรื่องราวความรัก จากนั้นก็จะมีรินแชมเปญ ดึงริบบิ้นดอกไม้และแจกของรางวัลก็จบงานแล้วค่ะ
งานแต่งงานของเราแม้จะไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ 100% แต่เราคิดว่ามันก็ดีที่สุดแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ในงานเป็นอะไรที่ดีต่อใจมาก เราได้อยู่กับคนที่รัก ซึ่งไม่ใช่แค่บ่าวสาวเท่านั้น แต่รวมถึงแขกทุกคนในงานด้วย บางคนไม่เจอกันนานก็ได้มาเจอกัน มีแต่เรื่องราวดีๆ น่าจดจำ ตัวเจ้าบ่าวเองที่ฝันอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีภาพงานแต่งงานที่คิดไว้ตั้งแต่เด็ก พอทุกอย่างเป็นไปแบบที่ฝัน ได้เห็นว่ามีคนรักเรามากขนาดนี้ เราแฮปปี้จริงๆ ค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
ลงดีเทลงานก่อนหาสถานที่ : ควรกำหนด Size ของงานและลงดีเทลให้ชัดก่อน กำหนดจำนวนแขก คิดเรื่องรูปแบบการจัดเลี้ยง การลงโต๊ะ จะให้ใครนั่งใครยืน และดูว่าอยากจัดในโรงแรมหรือข้างนอก จากนั้นค่อยหาสถานที่ จะทำให้ง่ายต่อการเตรียมงานขั้นต่อๆ ไ่ปค่ะ
แต่งงานวันที่รักกันที่สุด : ถ้ารู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตร่วมกับคนคนนี้แล้ว อย่าลังเลที่จะแต่งงาน เพียงเพราะอยากให้มีความมั่นคงก่อน การแต่งงานควรแต่งในวันที่เรารู้สึกมีความสุข ส่วนอนาคตเราช่วยกันสร้างไปด้วยกันได้ค่ะ