Siam kempinski Hotel สถานที่แต่งงานฟังก์ชั่นครบ เซอร์วิสดี
งานแต่งงานของสมายจัดช่วงปลายปีที่ต้องดูสถานการณ์โควิด จึงต้องการสถานที่ที่สามารถปรับขยายเปิดห้องเพิ่มเผื่อให้มี Social Distancing ได้ โดยจะมีโจทย์ว่าต้องเป็นโรงแรมที่ได้มาตรฐาน เซอร์วิสดี มีที่จอดรถเพียงพอ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่แขกสามารถเดินทางมาได้ง่าย ซึ่ง Siam kempinski Hotel (โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ) ตอบโจทย์เราได้ทั้งหมด จึงเลือกแต่งงานที่นี่ค่ะ
เราแต่งงานเป็นคู่แรกๆ ของกลุ่มเพื่อน จึงไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับงานแต่งมากนัก พอรู้ข่าวว่ามีงาน SabuyWedding Festival ที่สยามพารากอน จึงตัดสินใจไปงาน ซึ่งก็ทำให้เราได้รู้จักกับทีม PaR Wedding Planner แล้วพอได้พูดคุยก็รู้สึกว่าเขาน่ารัก คุยกันรู้เรื่อง มีความเป็นมืออาชีพ จนคิดว่าถ้าได้ทำงานร่วมกัน เขาจะช่วยเราเตรียมงานได้ดีขึ้น จากตอนแรกตั้งใจแค่ไปเดินดูไอเดีย กลายเป็นได้ทีมตกแต่งและแพลนเนอร์มาด้วยเลยค่ะ(หัวเราะ)
แล้วที่เซอร์ไพรส์คือเราเป็นผู้โชคดีได้รางวัล Cash Back 100,000 บาทจาก SabuyWedding ด้วยค่ะ ซึ่งดีมากๆ เพราะสามารถใช้ได้จริงกับทุกร้านในงานเลย เราก็เลยนำไปใช้กับทีม PaR Wedding Planner ค่ะ การใช้ก็ง่ายมาก ทางร้านช่วยจัดการ อำนวยความสะดวกให้ทั้งหมด ไม่มีปัญหาอะไรเลย
ตกแต่งโทนขาวเรียบน้อย เสริมความเป็นไทยให้เด่น
สมายจัดงานหมั้นและงานเลี้ยงฉลองในวันเดียวกัน ส่วนของงานหมั้น เนื่องจากเราจัดแบบพิธีไทยและบ่าวสาวก็ใส่ชุดไทย จึงอยากได้งานที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยโดดเด่นขึ้นมา ดังนั้นเลยตกแต่งเรียบๆ ด้วยโทนสีขาวค่ะ โดยจะใช้ดอกกล้วยไม้ Phalaenopsis ที่สมายชอบแทรกลงไปในดีเทลต่างๆ อย่างเช่น ฉากเวที พานขันหมาก พวงมาลัยค่ะ
สำหรับพิธีช่วงนี้ก็จะเป็นปกติของงานทั่วไปเลยค่ะ เริ่มที่การทำพิธีสงฆ์ จากนั้นก็จะแห่ขันหมาก ทำพิธีสู่ขอ สวมแหวน รับไหว้และรดน้ำสังข์ คือทำทุกอย่างครบเลย ซึ่งหลังพิธีจบ เรามีจัด Food Station มาให้แขกได้ทานรองท้องด้วย โดยที่ของผู้ใหญ่จะพิเศษนิดหน่อยคือเป็นโต๊ะกลม มีคนเสิร์ฟอาหารให้นั่งทานสบายๆ ค่ะ
งานเย็นสวยสดใสด้วยโทนสีหลากหลาย
สำหรับงานตอนเย็นก็ยังคงอยู่ในธีมดอกไม้ โดยจะเน้นดอกกล้วยไม้ Phalaenopsis เหมือนเดิม แต่จะใช้สีที่ดูสดใสขึ้น เป็นสีพาสเทล โทนชมพู โอลด์โรส แซมด้วยสีเหลืองค่ะ
ในส่วนของแกลอรี่ เนื่องจากเราชอบความสูงของเพดาน อยากให้มีความโปร่ง ไม่ต้องการให้มีอะไรมาปิดกั้นด้านบน เราจึงเลือกทำเป็นฉาก 2 ฝั่ง ติดรูป ประดับดอกไม้เข้าธีม ขนาบข้างทางเดินยาวไปถึงส่วน Backdrop เลยค่ะ
ในส่วนของ Backdrop และเวทีในห้องจัดงาน เราตกแต่งเหมือนกันเลยค่ะ จะต่างกันที่รูปทรงของฉากหลังเท่านั้น ตัวฉากเราใส่ดีเทลทำเป็นกลีบดอกกล้วยไม้ยักษ์ แล้วประดับด้วยดอกไม้สีสันสดใสกับโลโก้ชื่อบ่าวสาวค่ะ ส่วนโต๊ะเค้กเราก็มีใส่ดีเทลดอกกล้วยไม้ Phalaenopsis ไว้บริเวณฐานกับตัวเค้กด้วยค่ะ
สำหรับพิธีการตอนเย็น เราเริ่มจากเปิดตัวบ่าวสาว โดยสมายจะเดินมากับคุณพ่อ แล้วเจ้าบ่าวก็จะมารับที่กลางห้องเพื่อพาเดินขึ้นเวทีไปด้วยกัน จากนั้นประธานก็จะมากล่าวอวยพร และต่อด้วยช่วงสัมภาษณ์บ่าวสาวค่ะ
งานเราพิเศษกว่าปกตินิดหน่อย ตรงที่จะมีช่วงเจ้าบ่าวกับเพื่อนๆ โชว์ร้องเพลงเซอร์ไพรส์สมายค่ะ แล้วก็จะมีพี่ก้อง สหรัถ มาร้องเพลงต่อ ซึ่งเราให้พี่ก้องร้องเพลงคลอตอนตัดเค้กให้ด้วย เสร็จแล้วก็เป็นช่วงโยนดอกไม้ก็จบงาน แล้วก็เป็นอาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ
งานแต่งงานที่ผ่านไปโอเคมากๆ เลยค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลย สมายรู้สึกโชคดีที่ได้ทีมงานดีๆ มาช่วยดูแลซัพพอร์ต อย่างทีม PaR Wedding Planner ที่เราใช้บริการแบบครบวงจร ทั้งแพลนเนอร์และตกแต่ง ก็ทำงานได้ดีมาก มีความ Professional คุยง่าย เป็นกันเอง ช่วยให้เราเตรียมงานง่ายขึ้นเยอะ การตกแต่งก็ช่วยแนะนำเพิ่มเติมจาก Reference ที่เราส่งให้และดีไซน์ออกมาได้สวยงามเหมือนที่ฝันไว้ ประทับใจจริงๆ ค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
เลือกแพลนเนอร์ที่คุยด้วยแล้วสบายใจ : เพราะจะทำให้เราสามารถพูดคุยกับเขาได้สบายๆ ทุกเรื่อง แนะนำว่าควรบอกให้ชัดว่าเราอยากได้อะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร กังวลเรื่องไหน เพราะแพลนเนอร์จะช่วยบอกได้ว่าอะไรดีไม่ดี ควรมีอะไรบ้าง แล้วจะได้งานแบบที่ตรงความต้องการมากขึ้นค่ะ
วันแต่งงานให้ปล่อยวาง : สิ่งที่ออกมาในวันงานคือดีที่สุดที่เราทำได้แล้ว อาจมีผิดพลาดบ้าง แต่มันเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นทำใจให้สบาย แล้วยิ้มอย่างมีความสุขพอค่ะ
Photo : Besoffilm/Candygrapher