จัดงานแยกวัน จัดสรรง่ายกว่า
นุ่นจัดงานหมั้นกับงานฉลองคนละวันกัน ด้วยเพราะลำดับพิธีการตามฤกษ์และระยะเวลาที่ไม่สามารถจัดภายในวันเดียวกันได้ค่ะ ซึ่งพอจัดงานแยกวัน การจัดสรรก็ง่ายขึ้น นุ่นสามารถเลือกประเภทแขก รูปแบบการจัดงาน ตลอดจนสถานที่ให้เฉพาะเจาะจงได้
โดยวันแรกนั้น จัดวันที่ 7 ธันวาคม 63 ที่ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit (ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท) เป็นงานหมั้นแบบจีน มีสวมแหวน ยกน้ำชา ต่อด้วยเลี้ยงโต๊ะจีน รูปแบบงานค่อนข้างทางการ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นพิธีแบบจีน แต่ทางผู้ใหญ่ก็ไม่ซีเรียสเรื่องโทนสี นุ่นจึงไม่เน้นสีแดงเลยและใช้สีเอิร์ธโทนให้ความรู้สึกอบอุ่น ท่ามกลางสมาชิกในครอบครัวและญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมแสดงความยินดีค่ะ
The Glass House , Nai Lert Park เรือนกระจกขนาดใหญ่ ภายใต้ธรรมชาติ
สำหรับงานฉลองตอนกลางคืนนั้น จัดวันที่ 13 ธันวาคมที่ The Glass House , Nai Lert Park (ปาร์คนายเลิศ) เป็นงานที่เน้นความสนุกสนาน เพราะแขกมีแต่เพื่อนๆ ค่ะ
ซึ่งเหตุผลที่เลือก The Glass House สำหรับงานฉลองตอนกลางคืน เพราะนุ่นและเจ้าบ่าวมีความเห็นตรงกันว่า อยากได้สถานที่ที่เป็นมากกว่าห้องจัดงานตามโรงแรมทั่วไป อีกทั้งเราสองคนก็ชอบบรรยากาศชิลล์ๆ มีความเป็นกันเอง จึงมาลงตัวที่นี่ ที่มีทั้งส่วน Indoor และ Outdoor โอบล้อมด้วยธรรมชาติ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์งานที่วางไว้ด้วยค่ะ
งานโฉบเฉี่ยว เก๋ไก๋ สไตล์ Tropical และสีโทนร้อน
พอรู้ว่างานฉลองนี้มีแต่เพื่อนๆ เราสองคนจึงครีเอทธีมงานให้ดูสนุกสนาน จนมาจบกับสไตล์ Tropical และเลือกใช้สีโทนร้อนอย่าง สีเหลือง สีส้ม สีชมพู สีแดง มากำหนดเป็นธีมสีหลักในงาน ทำให้แขกที่มาสนุกกับการแต่งตัวที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น นุ่นได้เพิ่มความสนุกไปอีก ด้วยการให้ผ้ากับเพื่อนเจ้าสาวทั้ง 11 คน นำไปตัดชุดใส่วันงาน โดยมีข้อแม้ว่า ทุกคนต้องเลือกสองสีอยู่ในชุดเดียวกัน ตอนแรกก็กลัวว่าเพื่อนจะไม่โอเค แต่กลายเป็นว่า เพื่อนนุ่นทุกคนสนุกกับการเลือกสี การครีเอทชุดให้เข้ากับตัวเอง ส่วนทางเจ้าบ่าวนั้นก็แอบเข้าธีมด้วยการเลือกตัดชุดสูทสีเขียวหัวเป็ดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะค่ะ
สำหรับการตกแต่งภายในงานนุ่นอาศัยดูตัวอย่างงานที่ผ่านมาของคนที่เคยจัดงานที่นี่ผสมกับการปรึกษากับทีมตกแต่งด้วย อย่าง Backdrop ถ่ายภาพหลักก็จัดวางตรงสนามหญ้า เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้าง ได้เห็นความร่มรื่นของธรรมชาติ อีกทั้งยังล้อไปกับสไตล์ Tropical
ส่วนจุดลงทะเบียนจะตั้งอยู่บริเวณทางเข้าประตู The Glass House เลย เนื่องจากเป็นจุดที่แขกต้องเดินผ่าน ส่วนเวทีนั้นหากหันหน้าเข้าประตู จะพบเวทีหลักตั้งอยู่ฝั่งขวามือ นุ่นเลือกตรงนั้นเพราะเป็นเพดานที่สูงโปร่ง จึงให้ความรู้สึกโล่ง สบาย ไม่ดูอึดอัดเกินไปค่ะ
มีเพื่อนรู้ใจ จัดงานได้ไม่พึ่ง Wedding Planner
นุ่นมีเวลาเตรียมงานเพียง 5 เดือน และไม่ได้จ้าง Wedding Planner ด้วย เพราะนุ่นเคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวมาก่อน จึงพอรู้ลำดับพิธีการ ผนวกกับมีเพื่อนสนิททำงานด้านโรงแรมและ Wedding venue จึงได้มาช่วยเป็นแม่งานหลัก คอยประสานงาน แนะนำ และบอกข้อควรระวังในการจัดงานด้วย นอกจากนี้นุ่นโชคดีที่มีเพื่อนเจ้าสาวถึง 11 คน คอยช่วยเหลือดูแล ตลอดจนแบ่งกันรับหน้าที่ภายในงานได้เป็นอย่างดีค่ะ
สำหรับการหาซัพพลายเออร์ในการจัดงานนั้น นุ่นหาข้อมูล ทั้งจากอินเทอร์เน็ต และจากงาน SabuyWedding Festival 2020 ที่พารากอน งานนี้เป็นงานที่รวบรวมร้านค้าและไอเดียเกี่ยวกับงานแต่งงานทั้งหมดไว้ โดยวันที่นุ่นไปเดินงานนั้นก็ไม่เสียเปล่า เพราะได้ทีมตกแต่งมาช่วยดูแลในส่วนของงานหมั้น งานฉลอง และแพ็กเกจ Photo Booth ราคาพิเศษอีกด้วยค่ะ
ส่วนในแง่ของจิปาถะ อย่างเช่น การ์ดและของชำร่วย ทางเจ้าบ่าวถนัดด้านกราฟิกดีไซน์และมีโรงงานผลิตหลอดอลูมิเนียมอยู่แล้ว เราสองคนจึงเลือกเป็นแฮนด์ครีมบรรจุหลอด และก็ได้เจ้าบ่าวนี่แหละค่ะเป็นคนออกแบบลวดลายเอง รวมถึงช่วยจัดการตรงส่วนนี้จนนุ่นหมดห่วง
พิธีการสนุก เต็มที่ ไม่มีขีดจำกัด
สำหรับพิธีการ งานของเราเริ่มค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่ห้าโมงครึ่งไปจนถึงห้าทุ่ม ซึ่งลำดับพิธีการจะเริ่มที่นุ่นและเจ้าบ่าวยืนรอต้อนรับแขกตรง Backdrop ถ่ายภาพกับแขกที่เดินทางมาร่วมงานราว 150 ท่าน ซึ่งหลังจากที่แขกถ่ายรูปกับเราสองคนเรียบร้อยแล้ว ก่อนเข้างานก็จะมี Welcome drink game ให้ได้ร่วมสนุก เป็นการอุ่นเครื่องก่อนด้วยค่ะ
และนอกจากการตกแต่งจุดถ่ายภาพด้วยสีสันจัดจ้านที่ผสานกับสีสันของธรรมชาติบริเวณโซน Outdoor หน้างานแล้ว เรายังเพิ่มความพิเศษให้แขกได้ภาพถ่ายสวยๆ กลับบ้านไปอีกกับจุด Photo booth ที่ตั้งอยู่ภายใน The Glass House ใครถ่ายรูปเสร็จก็รอรับรูปได้ง่ายๆ ผ่านลิงค์ดาวน์โหลด อีกทั้งยังสามารถอัพโหลดภาพลงในโซเชียลมีเดียได้เลยทันทีค่ะ
สำหรับแขกที่มาแล้วรู้สึกหิว ก็ไม่ต้องรอ เพราะเรามีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารพร้อมให้บริการตั้งแต่เริ่มงานเลยค่ะ โดยอาหารวันนั้นเป็นการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล เสริมด้วยซุ้มเมนูอาหารหนักท้องประมาณ 4-5 ซุ้ม อาทิ ข้าวมันไก่ สปาเก็ตตี้ และแม้งานนี้จะไม่มีการจัดโต๊ะให้นั่งทานอย่างเป็นทางการ แต่เรามีเสริมโต๊ะประมาณ 4 ตัวใกล้เวที ไว้สำหรับแขกผู้ใหญ่หรือแขกที่พาเด็กๆ มา เขาจะได้มีที่นั่งพักค่ะ
ในกำหนดการเราเริ่มจากการเปิดวีดิโอพรีเซ็นเทชั่นผ่านจอโปรเจคเตอร์ที่อยู่ตรงเวทีหลัก กระทั่งวิดีโอจบลงเราสองคนถึงเดินเข้าไปในงานผ่านเพื่อนที่ตั้งแถวต้อนรับ จากนั้นพิธีกรก็รับหน้าที่สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน ช่วงนี้ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสิ้นค่ะ
หลังจากนี้ ถ้างานแต่งทั่วไปจะต้องมีตัดเค้กและโยนดอกไม้ แต่นุ่นเลือกเปลี่ยนเป็นกิจกรรมสนุกๆ ให้แขกได้มีส่วนร่วมแทน โดยเล่นเกมตอบคำถามเกี่ยวกับบ่าวสาว 5 ข้อง่ายๆ ผ่าน Web Application ที่ใช้มือถือสแกนคิวอาร์โค้ดก็เล่นเกมได้เลย ซึ่งเกมนี้ถ้าใครตอบถูกต้องและรวดเร็วมากที่สุดจำนวน 3 ท่าน จะเป็นผู้ชนะและได้รับรางวัลจากเราสองคนไป
ซึ่งความสนุกของช่วงนี้อยู่ตรงที่ได้ลุ้นว่าใครจะตอบถูกกันบ้าง เพราะคะแนนจะโชว์ Realtime ผ่านจอโปรเจคเตอร์ที่ถูกเลื่อนลงมาอีกครั้ง หลังจากนับคะแนนและได้ผู้ชนะแล้ว จอโปรเจคเตอร์จะถูกเลื่อนขึ้นไปเพื่อไม่ให้บังการตกแต่งและเตรียมเข้าสู่ช่วง After Party ค่ะ
Moment หวานกินใจ เจ้าบ่าวร้องเพลง Surprise ในงาน
จังหวะที่เตรียมเข้าสู่ช่วง After Party นุ่นแวบไปเปลี่ยนชุดแต่งงานเป็นแบบสั้นให้เหมาะกับงานช่วงนี้ด้วยค่ะ จนได้เวลา นุ่นและเจ้าบ่าวจึงเดินกลับเข้ามาในงานพร้อมถือขวดแชมเปญ แล้วรินแชมเปญด้วยกันจากด้านบนของทาวเวอร์ผ่านแก้วใสที่เรียงต่อกันเป็นชั้นๆ เสมือนเปิดงานอย่างเป็นทางการอีกครั้งค่ะ
และขณะที่จะเข้าสู่ช่วงวงดนตรีสด เจ้าบ่าวก็แอบเซอร์ไพรส์ด้วยการร้องเพลง Perfect ของ Ed Sheeran ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเพลงที่อยากจะสื่อถึงเรา อยากร้องให้เราในวันแต่งงาน และเพลงตราบธุรีดินอีกหนึ่งเพลงที่ความหมายดี จังหวะสนุก มีท่อนแร็พที่นุ่นไม่คิดว่าเขาจะร้องได้ ถือว่าเป็น Moment ที่น่ารัก น่าประทับใจในความกล้าและความพยายามของเจ้าบ่าวค่ะ
บรรยากาศแห่งความสุข สนุก ประทับใจ ได้พบเพื่อนเสมือน Reunion
อันที่จริงการจัดงานครั้งนี้เราสองคนไม่ได้ต้องการให้เพื่อนมาแสดงความยินดีเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้ทุกคนได้มาสนุก มาคลายเครียดไปด้วยกัน เพราะวันนั้นถือว่าเป็นการรวมตัวเพื่อนๆ เสมือน Reunion เลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย ไปจนถึงเพื่อนวัยทำงานที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีโอกาสเจอกันบ่อยๆ พอนุ่นได้เห็นบรรยากาศตรงหน้า นุ่นรู้สึกดีและมีความสุขที่ทุกคนไม่ใช่แค่สนุกไปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่พวกเขายังสนุกกับคนรอบข้างด้วยค่ะ
ที่สำคัญการที่งานสนุกและราบรื่นได้ขนาดนี้ นุ่นต้องขอบคุณเพื่อนเจ้าสาวทั้ง 11 คนที่อยู่ช่วยดูแลไม่ขาด น้องสาว น้องชายที่คอยช่วย Backup Support ตลอดจนทีมงานทุกทีมที่ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี มีความ Professional จนทำให้นุ่นเบาใจและไม่รู้สึกผิดหวังที่เลือกแต่ละเจ้ามาทำงานด้วยกันครั้งนี้ค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
รายละเอียดงานต้องชัดเจน :หากได้วันแต่งงานที่ชัดเจนแล้ว นุ่นอยากให้คุยกับผู้ใหญ่ให้เคลียร์เลยว่าต้องการงานรูปแบบยังไง มีจำนวนแขกกี่ท่าน เพราะเมื่อเราปรึกษากับทางผู้ใหญ่และทราบรายละเอียดที่ชัดเจนแล้ว จะส่งผลดีต่อการเลือกสถานที่จัดงาน ประเภทอาหาร ลำดับพิธีการ ช่วยให้วางแผนง่ายขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมอัพเดทงานให้ผู้ใหญ่ได้ทราบเป็นระยะเกี่ยวกับการจัดงาน เพราะหากมีสิ่งใดที่ต้องเปลี่ยนแปลง จะได้ปรับแก้ไขทัน ไม่มีมาเซอร์ไพรส์หน้างานให้ปวดหัวค่ะ
Reference สำคัญไม่แพ้กัน: เราอยู่ในยุคแห่งเทคโนโลยี อยากรู้อะไรก็ค้นหาทางอินเทอร์เน็ตได้เลย นุ่นอยากให้หาข้อมูลหรือ Reference จากอินเทอร์เน็ตทั้งไทยและต่างประเทศให้เยอะๆ ชอบอะไรก็ Save ภาพเก็บไว้เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาบรีฟกับทีมตกแต่ง ทีมสถานที่ ช่างภาพ ฯลฯ เพราะจะช่วยให้เข้าใจสิ่งที่เราอยากได้มากกว่ามีแค่คำพูดปากเปล่า อีกทั้งยังช่วยให้ทุกซัพพลายเออร์เห็นภาพและรูปแบบงาน Mood and Tone ไปในทิศทางเดียวกันด้วย หากเราชัดเจนและใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่ต้น พอถึงวันงานเราจะได้ยืนยิ้มสวยๆ ค่ะ