ยกสวนและโรงนาสไตล์ฝรั่ง มาไว้ในโรงแรมDusit Princess Korat
เราเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานที่โรงแรม Dusit Princess Korat (ดุสิต ปริ๊นเซส โคราช) เพราะสะดวกกับที่บ้านครับ เตรียมการอะไรก็สะดวก เพราะพื้นเพเป็นคนที่นี่อยู่แล้ว งานนี้แขกเราประมาณ 700-800 คน ห้องจัดเลี้ยงเขาก็รองรับได้โอเคเลย
สำหรับการจัดเตรียมงานทั้งหมด เราได้ทีม Hug Wedding Planner มาเป็นทีมหลักในการครีเอท เราอยากได้สไตล์เหมือนอย่างจัดในสวนรัสติก จะได้ไม่ทำให้แขกรู้สึกเหมือนมางานแต่งที่จัดในโรงแรมจ๋า คิดฟีลไว้ว่า อยากให้เป็นแบบเดินเข้ามาแล้วเหมือนหลุดไปอยู่ในอีกโลกนึงเลย เหมือนเข้ามาอยู่ในบรรยากาศของโรงนาแบบฝรั่งจริงๆ เราจึงไปไล่ดูใน Pinterest แล้วหา Ref มานำเสนอทีมแพลนเนอร์อีกที
แบ็คดรอปเราจะมีลักษณะเป็นเหมือนชานบ้าน ที่มีหลังคายื่นออกมา พื้นหลังสุดจะเป็นต้นไม้ทั้งแถบเลย ของตกแต่งในงานเราจะสอดรับกับสไตล์รัสติกหมด ไม่ว่าจะเป็นกองฟางหรือตอไม้ เรียกว่าไม่อยากให้หลุดเลยสักรายละเอียด
เติมเสน่ห์ความอบอุ่น ละมุนแถมโรแมนติก
ไฮไลท์ของการตกแต่งงานอย่างแรก จะอยู่ที่โคมไฟ ซึ่งประดับอยู่ที่ด้านบนตรงส่วนทางเข้างานครับ ทั้งหมดนั้นทำจาก Mason Jar ที่เจ้าบ่าวชอบมาก เราเลยได้ไอเดียว่า เอาไฟมาใส่ ทำเป็นโคมไฟเลยดีกว่า ถ้ามองจากภาพรวม เวลาเดินเข้ามาแขกจะเจอซุ้มที่มีโคมไฟนี้เยอะๆ ก่อน หากมองไปที่สุดทาง ด้านหนึ่งจะเป็น Reception และแกลอรี่ ซึ่งด้านหลังจะครีเอทให้เป็นชั้นวาง วางได้ทั้งเทียนและของชำร่วยเลย และด้วยความที่ธุรกิจของเจ้าบ่าว เป็นแนวรับซื้อสินค้าเกษตรอยู่แล้ว ของชำร่วยเราเลยนำข้าวสารมาใส่กระสอบน่ารักๆ ให้ได้กลิ่นอายรัสติก และได้ใส่ตัวตนของเจ้าบ่าวลงไปในตัว
สุดทางอีกด้าน เราจัดให้เป็นมุมคนโสด แขกจะมาลงทะเบียนไว้ และได้ดอกไม้ติดตัวกลับไป ส่วนขั้นตอนการลงทะเบียน เราจะแยกขวดระหว่าง ขวดชายและขวดหญิง และพอตอนใกล้จะจบงาน เราจะนำมาจับฉลากแล้วแจก Fan (พัดลม) กลับไป เพื่อให้เขาได้แฟนสมใจจริงๆ (หัวเราะ)
ถัดมาอีกหน่อยที่แขกจะพลาดไม่ได้เลย คือซุ้มเกมครับ เราเตรียมไว้ในชื่อ หยินลัคกี้เกม ซุ้มนี้จะเห็นได้ชัดๆ จาก Mason Jar อันใหญ่ที่แกะเป็นไม้ ซึ่งเป็นจุดสตาร์ทที่มีประโยชน์มาก เพราะเราใช้ตรงนี้เป็นที่เซ็นอวยพรด้วย เกมจะเน้นให้เล่นง่ายๆ โดยที่ข้างๆ จะมีตุ๊กตาเตรียมไว้สำหรับแจกเป็นรางวัลให้คนที่ชนะ มีทั้งเกมโยนห่วง เกมทายใจบ่าวสาว He Said She Said ว่าข้อไหนหมายถึงใครด้วย ส่วนด้านในห้องจัดเลี้ยง เราตกแต่งด้านบนด้วยผ้า จับโยงเป็นเลเยอร์ แล้วแต่งด้วยบอลกลมๆ สีขาว ทอง และเขียว ตรงโต๊ะ VIP เราใช้เป็นเก้าอี้จิลเวรี่ แล้วทำเป็นแบบ Sitdown Dinner โต๊ะแขกอื่นๆ จัดทำเป็นแบบโต๊ะจีนตามปกติครับ กิมมิคน่ารักๆ คือเราจะมีเมนูที่ประดับโลโก้ตั้งไว้ให้ในทุกโต๊ะเลย
ใส่ตัวตนเข้าไปในดีเทลของงานแต่ง
ด้านบนเวทีเราจัดให้ได้อารมณ์สวนๆ หน่อย จะได้ยังคงคอนเซ็ปต์อยู่ครับ จะมีตะเกียงห้อยอยู่เป็นร้อยๆ อัน ผนังด้านหลังสุดจะเป็นไม้ มีโลโก้ชื่อบ่าวสาวที่เป็นฟ้อนต์ลายมือสีขาวประดับอยู่ สองข้างจะขนาบด้วยเมทัลชีท ซึ่งอันนี้สื่อความได้สองอย่าง คือทำเหมือนประตูโรงนาให้ได้ฟีลตามคอนเซ็ปต์จริงๆ และเนื่องจากทางฝั่งเจ้าสาวก็ทำธุรกิจด้านนี้อยู่แล้ว ก็เลยเป็นการใส่ตัวตนเข้าไปด้วยเลยครับ ระหว่างงานเรามีการปรับช่วงสัมภาษณ์กันนิดหน่อย โดยใช้พิธีกรที่เป็นเพื่อนของบ่าวสาวทั้งคู่แทน จะได้ไม่เกร็ง แล้วให้นำซองคำถามที่เพื่อนเขียนไว้ตั้งแต่ก่อนเข้างานมาจับ มีหกคำถาม ให้เราเลือกมาสาม เหมือนเวทีนางงามเลยครับ (หัวเราะ) คำถามก็จะน่ารักๆ ทำนองถามเจ้าสาวว่าไปได้เจ้าบ่าวคนนี้มาได้ยังไง หรือชอบส่วนไหนของอีกฝ่ายมากที่สุด ก็เป็นอารมณ์แบบสนุกๆ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าซองที่ไม่ได้จับ จะมีเลเวลที่พีคกว่านี้หรือเปล่านะครับ (หัวเราะ)
แนะนำบ่าวสาว
(เจ้าสาว) จองทุกอย่างไว้แต่เนิ่นๆ : รู้ฤกษ์ปุ๊ปรีบจองทุกอย่างให้พร้อมเลยค่ะ สถานที่ แพลนเนอร์ ช่างภาพ ช่างแต่งหน้า แล้วก็ต้องหาสไตล์ที่เราชอบให้เจอด้วย
(เจ้าสาว) อ่านรีวิวเยอะๆ : จริงๆ แล้วคู่เราได้อะไรหลายอย่างจากการอ่านเว็บ Sabuywedding มากๆ เลยค่ะ รีวิวทุกอย่างละเอียดมาก เป็นส่วนหลักในการประกอบการตัดสินใจที่เยี่ยมมากๆ เราเห็นหลายทีมที่น่าสนใจจากที่นี่ แล้วเราก็ตามไปดูผลงาน เลือกทีมที่เหมาะกับเราอีกที อย่างทีมแพลนเนอร์เราก็เห็นมาจาก Sabuyweddingงานแต่งแนว Rustic ใส่ไอเดียตกแต่งสุดเก๋ จากโคมไฟ Mason Jar รวมถึงช่างภาพ Pre-wedding จนถึงช่างภาพวันจริง เราก็เห็นมาจากที่นี่อีกเหมือนกัน เรียกว่าได้ทั้งไอเดีย ได้ทั้งคอนแทคเลยค่ะ
(เจ้าบ่าว) คุยกันระหว่างบ่าวสาวให้เข้าใจ : การเตรียมงานหนัก มันทำให้คนเครียดได้ง่ายครับ ยิ่งใกล้งานก็ยิ่งกดดัน ยิ่งฉุกละหุก อยากให้ทุกคู่สื่อสารกันเยอะๆ นึกถึงใจเขาใจเรา ชอบไม่ชอบอะไรก็ขอให้บอกกันตรงๆ ไปเลย ที่สำคัญคือต้องใจเย็นๆ งานครั้งเดียวในชีวิต ทุกคนก็อยากทำให้ออกมาดีที่สุดแน่นอน