SOSofitel สถานที่แต่งงานโลเคชั่นสวย พร้อมด้วยการตกแต่งและอาหาร
งานของปูเราจัดกันช่วงกลางปีค่ะ อยากได้สถานที่แต่งงาน Outdoor แต่ก็กลัวฝนด้วย เลยไปดูที่โรงแรม SO Sofitel Bangkok (โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงคอก) ชอบตรงที่บรรยากาศ มันได้ทั้ง Indoor/ Outdoor ที่สำคัญคือไม่ต้องกลัวเปียก ปูเลือกใช้ห้อง Red Oven ซึ่งเป็นห้องอาหาร ขึ้นชื่อว่าอาหารอร่อยและตกแต่งสวย เลยเหมามาหมดทั้งฟลอร์เลยค่ะ (หัวเราะ)
คอนเซ็ปต์ใหม่ ใช้แนวคิด Celebration
วันที่เราใช้จัดงานเป็นวันครบรอบ 9 ปีของปูกับแม็กซ์ (เจ้าบ่าว) พอดี เลยคิดจะจัดงานที่ไม่เป็น Wedding จ๋า แต่ได้ฟีล Anniversary Celebration สนุกๆ ไม่เป็นทางการค่ะ
ธีมงาน Under The Star ของเราจะประดับตกแต่งด้วยพระจันทร์ ดวงดาว ท้องฟ้าเป็นหลัก บวกกับตัวสถานที่ที่เป็นกระจก มองออกไปเห็นวิวท้องฟ้าด้านนอกด้วยยิ่งเข้ากันค่ะ
แรกสุดเวลาแขกเดินออกมาจากลิฟท์จะเจอแกลอรี่ของเราก่อน ความพิเศษคือเราทำเป็นรูปพรีเวดดิ้งขนาดใหญ่ ตั้งวางไว้เหมือนเป็นการ Lead คนให้บังคับเลี้ยวซ้าย ไปเจอกับโต๊ะลงทะเบียนค่ะ
สำหรับมุมนี้เรามีเตรียมของชำร่วยไว้ให้ ใส่พร็อพเก๋ๆ จัดวางลงบนถ้วยเม็ดโฟมเล็กๆ ด้านในเป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ Forget me not ให้แขกนำไปปลูก เหมือน Watch our love grow ค่ะ
งานนี้เนื่องจากเราใช้พื้นที่ทั้งฟลอร์ เลยมี Floor Plan บอกไว้สำหรับแขกเพื่อนและญาติผู้ใหญ่ เพราะอยากแยกให้เป็นสัดส่วน สำหรับผู้ใหญ่เราจัดห้อง VIP ข้างแบ็คดรอปแยกไว้ให้ เขาจะได้มีสเปซในการคุยกัน ภายในห้องก็มีจอโปรเจคเตอร์ถ่ายทอดสดบรรยากาศงาน อาหารเป็นโต๊ะจีน ไม่ต้องเดินตัก มีบริกรเดินเสิร์ฟ ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
ส่วนแขกเพื่อนอาหารจะเป็นบุฟเฟ่ต์ มีพื้นที่สองส่วนคือแบบนั่ง กับยืนหน้าเวที ส่วนด้านนอกจะมีระเบียงเอ้าท์ดอร์ มองเข้ามาเห็นเวทีเหมือนกัน ใช้พื้นที่ได้หลากหลายเลย
ฟังก์ชั่นครบครันทันสมัย ใช้ได้หลายส่วน
การตกแต่งส่วนอื่นๆ จะมีทั้งแบ็คดรอปที่มีโลโก้ชื่อย่อบ่าวสาว แต่งด้วยตะเกียงใสๆ ด้านข้าง ตอบโจทย์เจ้าบ่าวที่ไม่ได้ชอบดอกไม้เยอะๆ นอกจากนี้ก็ยังมีมุมถ่ายรูปที่มีพระจันทร์เสี้ยวอันใหญ่ ไปนั่งกันได้เก๋ๆ เลยค่ะ
ส่วนเวทีเราเลือกใช้ผนังกระจก ใช้วิวด้านหลังให้เป็นประโยชน์ มีแท่งไฟทิ้งตัวลงมาเยอะๆ ประดับด้วยลูกโป่ง เหมือนเราไปเฉลิมฉลองกันบนท้องฟ้าจริงๆ
บรรยากาศภายในงานของเราจะสนุกตั้งแต่เริ่ม เพราะมีพิธีกรภาคสนามเดินถือไมค์คุยกับแขก เรียกว่าถ่ายทอดสดตั้งแต่แรกเลย งานเริ่มตั้งแต่แขกมา ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงพิธีการ
เรื่องการแต่งตัว เจ้าบ่าวของเราจะใช้พินเมทัลลิคติดสูท เพื่อไม่ให้กลืนกับผู้ร่วมงานมาก ส่วนของปูเราไม่ได้อยากได้แนวลูกไม้ และไม่อยากเปลี่ยนชุดสำหรับช่วงอาฟเตอร์ เลยเลือกทำเป็นชุดที่ถอดกระโปรงแยกได้ พร้อมปาร์ตี้ค่ะ
สนุกสุดใจ ไม่ต้องเหมือนใคร เพราะเราเป็นตัวเอง
เราเริ่มงานด้วยการให้เพื่อนๆ เต้นนำเปิดตัวให้ มีหนุ่มๆ มาฉีกเสื้อ ซิกแพ็คมาเต็มมาก เป็นที่สนใจของทุกคนสุดๆ (หัวเราะ) หลังจากนั้นบ่าวสาวก็เต้นออกมา เพื่อนๆ ตั้งแถวตรงเวทีเพื่อจุดพลุ แล้วเราก็ขึ้นไปจอยเต้นกันบนเวทีอีกนิดหน่อยก่อนเริ่มพิธี
หลังจากนั้นก็จะเป็น Sequence สั้นๆ น่ารักๆ เพราะด้วยความที่เราไม่ได้จัดพิธีหมั้นตอนเช้า ทางแพลนเนอร์เลยเสนอไอเดียให้ เป็นการอ่านคำสัญญาที่เราแอบเขียนให้กันก่อนวันงาน แล้วเอาคำสัญญาไปใส่ลงในโหลแก้วแล้วเททราย แลกแหวนดูได้อารมณ์ฝรั่ง แล้วก็มอบเค้กให้คุณพ่อคุณแม่ โยนดอกไม้ มีเพื่อนๆ ญาติๆ ขึ้นมากล่าวอวยพรค่ะ
ช่วงอาฟเตอร์เราเลิกกันประมาณสี่ห้าทุ่ม แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพิธีการเรากระชับ เลยมีเวลาปาร์ตี้กันนานหน่อย มีเล่นเก้าอี้ดนตรี มีดีเจเปิดเพลงตามรีเควส แอลกอฮอล์เราก็มีเบียร์ไวน์เหล้าครบ เพื่อนๆ บอกว่างานสนุกมาก ไม่เคยไปงานแต่งที่ได้ฟีลแบบนี้มาก่อน เขาไม่ได้ Expect ว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ มันเลยเหมือนเป็นการเซอร์ไพรส์แขกไปในตัว แขกผู้ใหญ่แขกเพื่อนก็เอนจอย บ่าวสาวเราก็แฮปปี้ไปด้วยเหมือนกัน
แนะนำบ่าวสาว
เผื่อเวลาสำหรับเตรียมงานไว้นานหน่อย : พอรู้ว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ก็เตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เลยค่ะ บางที 6 เดือนอย่างปูเองก็ยังถือว่ากระชั้นชิดไป ถ้ามีอะไรที่เราอยากเปลี่ยนแปลงจะได้ทำได้ด้วย ไม่ติดขัด
หารูป Reference ให้ชัดเจน : ตุนเอาไว้เยอะๆ เวลาคุยงานจะได้สะดวก เห็นภาพตรงกันทุกฝ่ายค่ะ
เลือกแพลนเนอร์มืออาชีพ : เพราะในงานบ่าวสาวเราจะไม่ต้องเหนื่อยเลยค่ะ เหมือนเราเป็นเจ้าภาพที่ไม่ต้องมานั่งกังวลอะไรมาก ตรงไหนจะเสร็จไม่เสร็จ หายห่วงได้หมด แล้วเราก็จะมีความสุข ประทับใจไปกับงานจริงๆ ค่ะ