สถานที่แต่งงานอบอุ่น สบายๆ ได้อารมณ์ธรรมชาติ @Quaint Bangkok
แรกสุดตอนช่วงเตรียมงาน แอ้มกับพี่อั๋น (เจ้าบ่าว) เราตั้งคอนเซ็ปต์ไว้ในใจเลยค่ะ ว่าไม่อยากจัดงานในโรงแรม เรามองหาร้านอาหารที่มีต้นไม้เยอะๆ เพื่อให้เวลาถ่ายรูปดูเป็นธรรมชาติ ที่ Quaint Bangkok มีส่วนจัดงานทั้งอินดอร์เอ้าท์ดอร์ ตอบโจทย์เราพอดี ประกอบกับโชคดีมาก วันงานฝนตก (หัวเราะ) ใครจะเชื่อว่าฝนจะตกเดือนพฤศจิกา! แต่โชคดีที่แม้แต่ส่วนเอ้าท์ดอร์ของที่ร้านก็ยังมีหลังคา เลยผ่านมาได้แบบสบายๆ
เลือกร้านสวย ช่วยเซฟงบตกแต่ง!
ส่วนที่แอ้มประทับใจเกี่ยวกับตัวสถานที่อีกอย่าง คือคนที่ดูแลเราจะเป็นเจ้าของร้านโดยตรง เขาไนซ์และคุยง่าย พร็อพที่มีที่ร้านเขาก็ให้เราใช้ของเขาได้เต็มที่ ของจุกจิกต่างๆ นำมาใช้ตกแต่งได้ เซฟงบค่า Decoration ไปได้อีกค่ะ
เรื่องพื้นที่ของที่ร้าน ที่จริงเขาจะมีทั้งหมด 3 ชั้น สถานที่ชั้นบนสุดก็ดีงาม เป็นโถงโล่ง แล้วก็เป็นกระจก 3 ด้านเลย ติดนิดเดียวตรงชั้นนั้นจะไม่มีห้องน้ำ แขกแอ้มเป็นผู้ใหญ่ เกรงจะลำบากที่ต้องขึ้นบันไดหลายชั้นด้วย สุดท้ายเราเลยจัดกันแค่ชั้นล่างกับชั้นลอยที่อยู่ถัดขึ้นไป แต่ถ้าใครแขกวัยรุ่นชิลล์ๆ ชั้นบนสุดคือแนะนำเลย สำหรับที่จอดรถ งานแอ้มมีแขก 300 คน เราสามารถไปจอดตึกตรง Park Lane ได้ เจ้าของร้านเขาก็จะไปดีลกับทางนั้นไว้ให้ก่อน ว่าถ้ามีแสตมป์จากที่ร้านจะไม่ต้องเสียค่าจอดรถค่ะ
พิธีการเรียบง่าย ไม่ใช้เวลาเยอะ
งานของแอ้มเราจัดแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง เพื่อให้สะดวกกับแขก ตอนเช้าเป็นพิธีแบบง่ายๆ ไม่มีแห่ขันหมาก ไม่มีพิธีสงฆ์ มีแค่พิธีหมั้น สวมแหวน ยกน้ำชา ซึ่งเราใช้พื้นที่บริเวณชั้นลอยค่ะ
ชุดตอนเช้าในช่วงนี้ของแอ้มจะเป็นเสื้อลูกไม้แขนยาว พอจบพิธีเราก็เปลี่ยนเป็นเสื้อครอปไม่มีแขน ส่วนกระโปรงท่อนล่างเป็นชิ้นเดิม เป็นอีกหนึ่งข้อดีของการใส่ชุดแบบสองชิ้น ที่สำคัญคืองานนี้บ่าวสาวเราใส่รองเท้าผ้าใบทั้งงาน แต่งตัวชิลล์มากจริงๆ (หัวเราะ)
งานเราไม่มีธีม ไม่อยากให้เป็นทางการมาก เลยให้แขกใส่สีอะไรมาก็ได้ ตอนแรกคิดว่าน่าจะง่ายที่สุดแล้ว แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นแขกยิ่งคิดไม่ออกว่าจะใส่สีอะไรดี พลิกล็อกกันไปค่ะ (หัวเราะ)
บรรยากาศงานจะออกแนวสบายๆ เหมือนให้ทุกคนได้มาทานข้าวร่วมกัน อาหารของที่ร้านเองก็รสชาติดี แอ้มเลือกเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มิกซ์กันระหว่างเมนูไทยเมนูฝรั่ง การจัดโต๊ะตอนแรกเรามีผังที่นั่ง เพื่อนใคร ญาติใครนั่งฝั่งไหน แต่เอาเข้าจริงพอแขกมาถึง เจอคนรู้จักทักกันเสร็จก็นั่งคุยกันค่ะ กลายเป็นนั่งไหนก็ได้ตามสะดวก แต่ภาพรวมออกมาดีมาก ทุกคนได้นั่งกับคนที่ตัวเองอยากนั่งด้วย
เติมกิมมิคสนุกๆ ให้จุดลงทะเบียนในงานแต่ง
ไอเดียการตกแต่งงานเราได้มาจาก Pinterest เป็นหลัก เห็นเขามี Polaroid Guestbook ก็คิดว่าน่าจะเวิร์คดีค่ะ ถ้าเป็นสมุดอวยพรเราอาจจะไม่ได้กลับมาเปิดดูอีก แต่ถ้าทำเป็น Polariod Guestbook นอกจากได้มีภาพในเหตุการณ์จริงๆ แล้ว เวลากลับมาเปิดดูมันยังรู้สึกสนุกและคิดถึงงานวันนั้นอยู่ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ สเต็ปง่ายๆ คือหลังจากที่แขกถ่ายภาพเสร็จแล้ว เราจะมี MT Tape เตรียมไว้ให้ แปะลงกระดาษเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เขียนได้เลยค่ะ
ส่วนแบ็คดรอปถ่ายรูป ตอนแรกแอ้มกับพี่อั๋นคิดว่าจะไม่มี เพราะอยากเดินทั่วงานแล้วถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แต่สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นคือ ด้วยความที่ของชำร่วยงานเราเป็นต้นไม้ แล้วเราให้ทางร้านช่วยแขวนเป็นกำแพงตรงทางเข้า พอมาเจอกับความเคยชินของแขกเวลาไปงานแต่ง สุดท้ายเขาก็เรียกบ่าวสาวมายืนถ่ายกันตรงนี้ค่ะ (หัวเราะ) กลายเป็นเรามาประจำการตรงนี้ เป็นอะไรที่ไม่ได้คาดคิดไว้ แต่สนุกดีเหมือนกัน
โมเม้นท์ที่เราได้ใช้เวลาร่วมกัน
ช่วงเที่ยงพิธีการของเรามีแค่ให้ญาติผู้ใหญ่ขึ้นไปกล่าวเล็กๆ น้อยๆ แล้วบ่าวสาวขอบคุณแขกเท่านั้นค่ะ งานเราไม่มีพรีเซนเทชั่น ไม่ตัดเค้ก เพราะอยากให้บรรยากาศออกมาสบายๆ เป็นกันเองที่สุด
วันงานแอ้มประทับใจหลายอย่าง สถานที่ก็เป็นส่วนหนึ่ง ถ่ายรูปออกมาแล้วดูดี ตอนเช้าได้ความรู้สึกแบบนึง ตอนช่วงทานอาหารก็ได้ความรู้สึกอีกแบบ ยิ่งพอเราจัดงานเล็กที่มีแต่คนที่เรารู้จักและสนิทด้วย งานก็เลยอบอุ่นมาก เหมือนเราได้มีเวลาให้กับแขกเยอะขึ้นจริงๆ ค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
ทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ : เขาอาจจะมีความเคยชินกับงานที่มันเป็นแพทเทิร์น ถ้างานเราไม่ทางการมาก ไม่ได้เป็นรูปแบบแบบที่คนอื่นทำ อาจจะต้องคุยกันเพิ่มเยอะนิดนึงเพื่อหาสิ่งที่ลงตัวที่สุดค่ะ ให้ยึดแบบที่เราโอเค ทุกคนโอเค งานมันถึงจะออกมาโอเค
อะไรที่คิดไว้แล้วไม่เป็นอย่างใจ ไม่ต้องไปเครียด : ควบคุมสติให้ดี ยิ้มไว้ ทุกอย่างจะดีเอง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางทีไม่มีใครรู้ ใจจริงทุกคนอยากมาแสดงความยินดีกับเราจริงๆ ค่ะ