The Sukhothai Bangkok สถานที่แต่งงานร่วมสมัย เปิดพื้นที่ให้ใช้ในสวน
งานของเปิ้ลเป็นแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเย็น จัดที่การ์เด้น วิลล่า ของ The Sukhothai Bangkok (โรงแรมสุโขทัย) ทั้งคู่เลยค่ะ แต่เนื่องจากตอนเช้าเรามีผู้ใหญ่ด้วย เลยเลือกจัดเป็นบริเวณบ้านใกล้ๆ สวน ซึ่งอยู่ใน Area เดียวกันน่าจะสะดวกกว่า และจัดเป็นพิธีไทยจีนแบบเรียบง่าย แต่แฝงไฮไลท์สนุกๆ ไว้หนึ่งอย่าง นั่นคือช่วงเวลาตอนที่เราแห่ขันหมากกันค่ะ ปกติเขาจะเปิดเพลงไทยแล้วโห่ขึ้นมา แต่ของเราใช้เพลงสมัยใหม่ไปเลย เปิดเพลง Sugar แทน ได้อารมณ์แหวกแนวและเป็นสากลดี
จัดงานเอ้าท์ดอร์ เรื่องอากาศต้องมาก่อน!
คอนเซ็ปต์งานเย็น เราอยากให้เป็นอารมณ์ปาร์ตี้ชิลล์ๆ ที่เพื่อนๆ สามารถมาร่วมแสดงความยินดีกันได้แบบสบายๆ แต่ด้วยสถานที่จัดงานของเราเป็นสวน ดังนั้นการตกแต่งอาจจะต้องเต็มและแน่นหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจจะดูโล่งๆ แล้วไม่ค่อยน่าสนใจได้
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงมากเป็นพิเศษก็คือ เรื่องสภาพอากาศค่ะ เราจัดงานเดือนธันวาคม แต่ก็ยังกังวลว่าฝนจะตก เพราะก่อนหน้านั้นวีคนึงก็ยังคงตกอยู่ แต่ที่พีคกว่าฝนไม่ตกก็คือ เดือนธันวาที่น่าจะหนาว ปรากฏว่าวันนั้นร้อนมากค่ะ เจ้าบ่าวทิชชู่เต็มกระเป๋ากางเกงไปหมด (หัวเราะ) แขกเองก็คอมเพลนกันเยอะ พัดลมของโรงแรมก็มีไม่เพียงพอนัก เราเลยเช่าแอร์เคลื่อนที่ของทีมตกแต่งเพิ่มมาอีก 4 ตัวด้วย แต่ก็ยังไม่ทั่วถึง
เรื่องไฟก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก อย่างวันงานเราพบว่า ยังมีบางจุดที่ไฟมืดเกินไป จึงเป็นบทเรียนว่า เวลาจะจัดงานเอ้าท์ดอร์ เราต้องลงดีเทลเรื่องการจัดไฟให้มากกว่านี้ด้วยเช่นกัน
เน้นโทนขาวเขียว เพื่อให้เข้ากับธรรมชาติ
ที่เราเลือกธีมสีนี้ เพราะอยากให้คงความเป็นสวน และความเป็นธรรมชาติไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ ส่วนเดรสโค้ดเราบอกแขกไปตรงๆ เลยว่า ไม่ต้องซีเรียส มีเฉพาะเพื่อนเจ้าสาวที่เราขอให้ใส่เป็นเฉดเขียวอมเทา เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของงาน บริบทในงานอื่นๆ รวมไปถึงขั้นตอนพิธีการต่างๆ เราเน้นว่าอยากให้ดูใกล้ชิด และเป็นกันเองมากที่สุด อย่างรูปภาพที่เราใช้ตกแต่ง กว่า 90% ก็เป็นภาพที่เราไปเที่ยว และถ่ายกันมาเอง จะมีภาพ Pre-wedding จริงๆ แค่ประมาณ 10% เท่านั้นเอง
การตกแต่งโดยรวม เราใช้ดอกกุหลาบสีขาว แซมด้วยดอกหญ้า ให้ดูน่ารัก และมีกลิ่นอายวินเทจนิดหน่อย ตรงแบ็คดรอปก็จะเป็นสีเขียวทั้งหมด แต่งด้วยดวงไฟดวงเล็กๆ ห้อยลงมาให้ดูเหมือนดาว ส่วนเวทีก็จะเป็นเหมือนซุ้มเสา ที่มีดอกไม้ประดับอยู่ จับกับผ้าที่ดูมีเลเยอร์ เพื่อให้ดูน่าสนใจ และเป็นจุดรวมสายตา
ในส่วนของการ์ดแต่งงานกับของชำร่วย เปิ้ลจะเป็นคนออกแบบเองค่ะ เพราะส่วนตัวชอบวาดรูป ชอบเรื่องดีไซน์อยู่แล้ว อย่างการ์ดเราก็จะใช้ภาพแบ็คกราวน์เป็นภาพสวนที่อังกฤษ ซึ่งบ่าวสาวเคยไปถ่ายไว้ด้วยกันเมื่อ 8 ปีก่อน โลโก้เปิ้ลก็วาดขึ้นมาเอง ส่วนของชำร่วยเราก็ค่อยๆ ร่างลายขึ้นมา แล้วให้เขาปริ้นท์ลายลงไปบนแก้วด้วย กระป๋องที่ใส่ของชำร่วยนั่น เปิ้ลก็วาดเองเหมือนกัน ไซส์แทบจะพอดีกันเลย ถือว่าทั้งสะดวกและได้เสน่ห์แบบรัสติกดี
ช่วงที่ควรจะเป็นประธานขึ้นไปพูด เราก็เปลี่ยนมาให้คุณพ่อคุณแม่ และเพื่อนๆ เป็นคนรับหน้าที่นี้ให้แทนค่ะ ของเปิ้ลเองเป็นเพื่อนชาวต่างชาติที่สนิทกัน ก็เลยไม่ต้องกังวลอะไรมาก เราแค่ถามเขาล่วงหน้าว่าเขาสะดวกขึ้นไปพูดให้รึเปล่า ถ้าเขาโอเค ก็โอเค แต่จะไม่มีเตี๊ยมกันล่วงหน้าว่าเขาจะพูดอะไร
หรือถ้าจะนอกบทจริงๆ เปิ้ลว่าก็น่าจะยังไหวอยู่ค่ะ ถือว่าเป็นสีสันสนุกๆ กันไป มันจะได้ดูไม่เกร็ง แล้วเขาก็คงพอรู้ขอบเขตในการพูดดี นอกจากนี้เรายังมีช่วงที่ให้เพื่อนเจ้าสาวร้องเพลงให้บ่าวสาวหนึ่งเพลง แล้วบ่าวสาวร้องเพลงคู่กันหนึ่งเพลงด้วย ช่วยปรับมู้ดงานให้ออกมาสนุกๆ
ปูสวนด้วยพรมหมอก (ดรายไอซ์)
งานนี้เราใช้ทีมตกแต่งเป็น Rainforest ซึ่งเขาจะครีเอทเรื่องการใช้ดรายไอซ์เก่งหน่อย ก็เลยจะมีทั้งในช่วงที่เปิ้ลเดินออกมากับคุณพ่อ แล้วเจ้าบ่าวมารับช่วงต่อ เพื่อพาไปเดินขึ้นเวที จังหวะนั้นดรายไอซ์ก็จะปูมาเต็มพื้น เหมือนเป็นพรมหมอกในสวนเลย แล้วก็ยังมีตอนช่วงซีนตัดเค้กอีกช็อตนึง ช่วยให้ได้ภาพออกมาน่าประทับใจ
แอบกระซิบนิดนึงว่า จริงๆ มีอีกส่วนที่เราอยากคัทออก นั่นก็คือช่วงไชโย เพราะเราอยากแค่ให้ดื่มเฉยๆ เลยมากกว่า แต่รอบแรกเหมือนแขกจะยังไม่รู้กัน เลยรอไปรอมา เสร็จแล้วก็ดื่ม แต่พอรอบที่สองที่คุณพ่อเจ้าสาวขึ้นมา แขกเห็นว่าไม่มีใครไชโยสักที ก็เลยมีหนึ่งในนั้นนำไชโยให้เองเลย เป็นโมเม้นท์สนุกๆ ฮาๆ ดีเหมือนกัน (หัวเราะ)
แนะนำบ่าวสาว
ถ้าคิดจะจัดงานเอ้าท์ดอร์ อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องอากาศให้มากๆ : เตรียมแอร์เคลื่อนที่ไว้เลยตรงเวที 2 ตัว แล้วตรงแบ็คดรอปอีก 2 ตัวค่ะ เสร็จแล้วอย่าลืมฝากทีมงานให้เขามูฟเข้ามาให้ในงาน หลังจากหมดช่วงถ่ายภาพตรงแบ็คดรอปเสร็จด้วย จะได้ถือว่าไม่เป็นการเสียเปล่า และช่วยถ่ายเทอากาศภายในงานได้ดีขึ้นไปอีก หรืออย่างจุดไหนที่มีสปอร์ตไลท์ส่อง ตรงนั้นก็จะร้อนเป็นพิเศษ อย่าลืมสแปร์แอร์หรือพัดลมไว้เพิ่ม เตรียมไว้ก่อนปลอดภัยกว่า อย่างถ้าเกิดวันนั้นอากาศเย็นขึ้นมา ไม่ได้ใช้ยังไม่เป็นไร แต่ถ้าร้อนนี่จะเกินควบคุมหรือแก้ไข
เผื่อเวลาเตรียมงานนิดนึง : เพราะยิ่งใกล้วันงาน จะยิ่งฉุกละหุกมาก ขั้นต่ำสำหรับเปิ้ล เปิ้ลว่าสัก 6 เดือนล่วงหน้าถึงจะกำลังดีค่ะ เราจะได้จัดงานได้แบบมีความสุข พร้อม และไม่เครียดจนเกินไป
เชิญแขกอย่าคิดมาก ตัดสินใจไปเลย แค่ทำให้สุภาพก็พอ : เราต้องลิสต์ไว้ก่อนเลยว่า เราจะเชิญใครบ้าง แล้วก็ตัดสินใจไปเลยค่ะ อย่าลังเลบ่อย เพราะสุดท้ายงานหนักจะมาตกที่เรา ซึ่งคือคนที่คิดมากที่สุด อย่างจะเชิญเพื่อนร่วมงาน แต่มีกันอยู่เป็นร้อย แล้วเชิญคนนั้นไม่เชิญคนนี้ก็จะดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็อย่าลืมว่านี่คืองานของเราเอง เรามีที่จำกัด ไม่ได้สามารถเชิญได้ทุกคนจริงๆ หรอก ดังนั้นทำให้ดูมีมารยาทที่สุดดีกว่า แล้วก็เลือกไปเลย ใช้ตัวเราวัดก่อนว่าเราสนิทกับเขาไหม อยากให้เขาไปจริงๆ รึเปล่า แค่นั้นก็พอ
ความคาดหวังของผู้ใหญ่กับบ่าวสาวอาจไม่เหมือนกัน : ก่อนเริ่มงานอาจจะต้องคุยกันให้ละเอียดสักหน่อยค่ะ หาวิธีในการคุยกันเพื่อให้ได้งานในแบบที่เราชอบ ถึงมันอาจจะไม่จบในรอบเดียว ก็อาจจะต้องใช้ความพยายามนิดนึง (หัวเราะ) บางเรื่องถ้าเจอกันครึ่งทางได้ก็โอเค บางเรื่องก็ต้องอธิบายกันยาวหน่อย ถือเป็นเรื่องธรรมดา