Bangkok Marriott Hotel The Surawongse สถานที่จัดงานแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นสุดหรู พร้อมสวนแสนสดชื่น เนรมิตงานแต่ง 2 บรรยากาศในที่เดียว
บอสกับมายด์ (เจ้าสาว) เลือกที่ Bangkok Marriott Hotel The Surawongse (โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์) เพราะอยากจัดงานแต่งในสวนที่ให้ความรู้สึกสดชื่น แต่ก็ยังได้มาตรฐานระดับโรงแรม 5 ดาวครับ แล้วเราก็ประทับใจในรสชาติอาหารตั้งแต่ครั้งแรกที่ชิม แถมเซลล์ยังดูแลดี มีความเป็นมืออาชีพ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าหากเกิดอะไรขึ้นในงาน จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที
อบอุ่น อิ่มเอม ไปกับพิธีหมั้นในสวนสวย
พิธีหมั้นแบบจีนในช่วงเช้าจัดขึ้นที่ The Garden At Surawongse โซนสวนซึ่งตกแต่งในโทนสีละมุน อย่างสีส้ม เหลือง น้ำตาล เทา แชมเปญ แซมด้วยความสดใสของพุ่มดอกไม้ตลอด 2 ฝั่งทางเดินไปสู่เวที และเนื่องจากเราจัดงานในช่วงฤดูฝน (1 กรกฎาคม) ก่อนวันแต่ง ทางโรงแรมก็มีแผนสำรอง โดยเช็กพยากรณ์อากาศ รวมถึงเตรียมห้องจัดงานหมั้นในอาคารไว้ เผื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่โชคดีที่ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น ทำให้เราได้จัดงานในสวนอย่างที่ตั้งใจครับ
เริ่มต้นแห่ขันหมาก ครอบครัวของผมจะเดินผ่านประตูเงินประตูทอง ก่อนไปเจรจาสู่ขอ ส่วนในช่วงเปิดตัวเจ้าสาว มายด์อยากได้สไตล์ตะวันตก จึงให้คุณพ่อไปรับและเดินพามาส่งขึ้นเวที จากนั้นก็ทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน รับไหว้ ต่อด้วยการทานขนมอี๋ ยกน้ำชา ปิดท้ายด้วยการส่งตัวครับ
ด้านอาหารในงานหมั้น เราจัดคอฟฟี่เบรกให้ตั้งแต่เช้าตรู่ และระหว่างพิธียกน้ำชาก็มีเมนูเพิ่มเติม เช่น โจ๊ก เป็ดปักกิ่งพอดีคำ เอ้กเบเนดิกต์ กุ้งค็อกเทล มินิครัวซองต์ ตบท้ายด้วยของหวานอย่างพานาคอตต้า แพชชั่นฟรุ๊ต แขกทานแล้วอิ่มไปจนถึงงานเลี้ยงฉลองเที่ยงได้เลยครับ
จัดเต็มความสนุกในงานเลี้ยงฉลองด้วยมู้ดปาร์ตี้
หลังจากพิธีเช้าเสร็จ เพื่อให้แขกร่วมงานได้อย่างต่อเนื่อง งานเลี้ยงฉลองจึงจัดขึ้นในห้อง The Surawongse Ballroom ที่อยู่ติดกันครับ ธีมการตกแต่งก็จะอิงจากงานหมั้น แต่ปรับโทนสีให้ดูตุ่นและเข้มขึ้น เพื่อให้มู้ด แอนด์ โทน คล้ายงานเย็นและได้ฟีลปาร์ตี้ มีโฟโต้บูธให้แขกได้ถ่ายภาพสนุก ๆ ก่อนเดินมาสู่มุมแกลเลอรี ที่เราตั้งใจดีไซน์โดยใช้แกนกระดาษจากบริษัทของผมทำเป็นชั้นโปร่ง ๆ แล้ววางภาพบ่าวสาวลงไป ตกแต่งด้วยดอกไม้เพิ่มความสวยงาม กลายเป็นมุมเก๋ไม่ซ้ำใคร
สำหรับแบ็คดรอปถ่ายภาพ เราอยากให้มีเลเยอร์ ความโค้ง และดูมินิมอลในตัว จึงไดคัทขอบด้านบนของฉากสีขาวให้เว้า ตรงกลางใช้แกนกระดาษวางเรียงให้เป็นลอนคลื่น พร้อมตกแต่งดอกไม้วางกระจายกันไป ฉากหลังในห้องบอลรูมก็คงคอนเซ็ปต์เดียวกัน
หลังจากที่แขกกว่า 650 ท่านเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดตัวคู่บ่าวสาว ซึ่งเราอยากให้สัมผัสถึงบรรยากาศปาร์ตี้ จึงให้เพื่อน ๆ คิดกิจกรรมมาร่วมสนุก แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเพื่อนจะจัดเต็มกันมาก เต้นนำเราเข้ามาพร้อมกับพร็อพอีกเพียบ! ทั้งลูกโป่ง สแตนดี้บ่าวสาวขนาดเท่าตัวจริง และหน้ากากภาพเราสองคน ซึ่งก็เพิ่งเห็นหน้างาน ซึ้งใจและเซอร์ไพรส์มาก ๆ ครับ ช่วงนี้เราจะให้เพื่อนบ่าวสาวคาดเข็มขัดใส่กระป๋องเบียร์ เพื่อแจกให้แขกในงานได้ร่วมดื่มฉลองกับพวกเราครับ
เข้าสู่ช่วงพิธีการ เราได้รับเกียรติจากประธาน 3 ท่านกล่าวคำอวยพร ต่อด้วยเพื่อนบ่าวสาว แล้วเพิ่มดีกรีความสนุกด้วยการเล่นเกมตอบคำถาม ผู้ชนะได้รับของรางวัลเป็น Gift Voucher ตามมาด้วยช่วงตัดเค้กที่ได้พี่ชายเจ้าบ่าวมาร้องเพลงให้ จากนั้นจึงโยนช่อดอกไม้ 2 รอบ ให้ทั้งฝั่งเพื่อนเข้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าว
สำหรับอาหารจัดเลี้ยงช่วงเที่ยงเลือกแบบค็อกเทล เน้นเมนูที่เคี้ยวง่ายและรสไม่จัดเกินไป เพราะคำนึงถึงแขกผู้ใหญ่ เช่น ข้าวมันไก่ พาสต้าปรุงสด ฮันนี่แฮมอบน้ำผึ้ง และส้มตำที่หลายคนชอบมาก ส่วนของหวานเป็นไอติมผัด เพื่อนบางคนถึงขั้นบอกว่า อย่าแปลกใจถ้าไม่เห็นว่าอยู่หน้าเวที เพราะกำลังง่วนอยู่ตรงซุ้มอาหารครับ
งานดั่งฝันที่บ่าวสาวภาคภูมิใจ
เราประทับใจทุกช่วงตั้งแต่พิธีหมั้นยันงานเลี้ยงฉลองเลยครับ อยากขอบคุณทุกคนที่น่ารักและเต็มที่เพื่อช่วยทำให้งานเป็นไปในแบบที่ต้องการ เราดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของแขกและการมีส่วนร่วมของพวกเขา อย่างช่วงเปิดตัว แขกผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รู้จักเพื่อนบ่าวสาวเป็นการส่วนตัวก็มาพูดคุย ขอชนแก้ว แม้เป็นโมเมนต์เล็ก ๆ แต่ก็ทำให้เรามีความสุขและหายเหนื่อย
คำแนะนำบ่าว-สาว
อาหารจัดเลี้ยง ควรชิมให้รู้รสก่อน : อาหารเป็นสิ่งแรกที่แขกมักคอมเมนต์ และเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจได้ ฉะนั้นควรใส่ใจรสชาติ เพื่อให้แขกทุกเพศทุกวัยพึงพอใจที่สุด
คุยรายละเอียดงานกับทุกฝ่ายให้ชัดเจน : การจัดงานแต่งงานล้วนต้องอาศัยองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมออแกไนซ์ รันคิว เซลล์ และครอบครัว ฉะนั้นอยากให้ใครช่วยอะไร ควรคุยรายละเอียดให้ชัดเจนและตรงไปตรงมา เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
เปิดใจและใช้ความใจเย็นเพื่อแก้ปัญหา : ช่วงเตรียมงานแต่งจะเป็นช่วงที่บ่าวสาวทะเลาะกันมากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยเรื่องส่วนตัว หรือตัวแปรจากบุคคลที่สาม เช่น ครอบครัว ญาติ อยากให้เข้าใจว่าท่านมีเจตนาที่ดี เราสามารถฟังและนำมาพิจารณาต่อได้ว่าเหมาะสมไหม ถ้าไม่ ก็ยึดความชอบของบ่าวสาวเป็นหลัก ทั้งนี้ ควรค่อย ๆ คุยกันอย่างเปิดใจ หากคนหนึ่งร้อนอีกคนต้องใจเย็น และใช้ความประนีประนอมเข้าช่วย
Photographer : Emorephoto