สถานที่แต่งงานเรือนไทย รับลมเย็นสบายตลอดปี
จริงๆ แล้วตอนแรกกุ๊กตั้งใจจะจัดงานแต่งงานช่วงปลายปี 59 ค่ะ แต่เนื่องจากกุ๊กอยู่ต่างประเทศ แล้วมีปัญหาเรื่องการทำเรื่องเอกสารเข้าออกอเมริกา เลยต้องเลื่อนคิวที่จองกับทาง เรือนไทยเบญจรงค์ (Benjarong Wedding) ไว้แต่แรกให้เร็วขึ้น พอบวกกับคุณแม่ที่เป็นคนเคร่งเรื่องฤกษ์สุดๆ ก็เลยเหลือแค่วันเดียวที่ทุกคนสะดวกตรงกันคือ 23 เมษายน
โชคดีที่พอสอบถามไปทางเรือนไทยแล้วเขาว่างพอดี ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะเดือนเมษาไม่ค่อยมีใครเขาแต่งกัน อากาศมันร้อนจริงๆ แต่เชื่อไหมคะว่าเอาเข้าจริงวันงานกุ๊กลมดีมากเลย อาจจะเพราะเรือนไทยบรรยากาศดีด้วย ตัวเรือนอยู่ริมน้ำ ทุกคนเลยแฮปปี้ ขนาดตอนแห่ขันหมากจัดพธีกันบนเรือนทุกคนก็ยังสบายๆ ไม่มีใครบ่นว่าร้อนเลยสักคน
สถานที่ตรงใจ ใช้ได้ทั้งอินดอร์และเอ้าท์ดอร์
เรื่องนึงที่เราคิดกันมากคือเรื่องสถานที่ค่ะ ใจจริงเลยกุ๊กอยากจัดริมทะเล แต่ถ้าทะเลไม่ได้อย่างน้อยก็ขอสวนแล้วกัน ส่วนคุณแม่อยากได้โรงแรม เราเลยขอเจอกันตรงกลางคือเรือนไทย
ที่นี่ตอบโจทย์เรามาก ตรงที่ไม่ใช่เรือนไทยแบบยกสูง พอคุยกันดังนี้แล้ว คุณแม่ก็เลยขอเข้าไปดูสถานที่ด้วยตัวเอง เข้าไปคุยกับคุณปอ เจ้าของเรือนไทย เสร็จแล้วยังไงไม่รู้กลายเป็นว่าเขาโอเคเลย เต็มใจ 100 % ซึ่งส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะว่าคุณแม่เป็นโปรด้านพิธีไทยด้วยเหมือนกัน พอเขามาเจอทีมนี้ที่ก็โปรไม่แพ้กัน เขาก็เลยวางใจ
พิธีไทยที่คุณแม่ยอมใจ ยกนิ้วให้เลย
ตอนคุณแม่เข้าไปถามทีมงานว่าเขาจัดอะไรให้เราบ้าง เขาก็เอาแผนผังมาให้เราเลยค่ะ บอกหมดว่าขันหมากใช้อะไรเท่าไหร่ ใครยืนตรงไหน คืออย่างที่เขาบอกเลยว่ามาแต่ตัว คนถือกับซอง ก็แต่งได้เลยจริงๆ (หัวเราะ) มีแค่ส่วนของพระเท่านั้นที่คุณพ่อขอเสริมเข้าไปเอง เนื่องจากเรือนไทยจะจัดพระให้เรา 9 รูป แต่คุณพ่ออยากได้พระ 9 วัด จริงจังขึ้นมาอีกระดับนึง
ส่วนทางเรือนไทยก็น่ารักมาก ไม่มีปัญหาเลย ยืดหยุ่นได้ทุกอย่าง อยากได้อะไรก็บอกได้หมด กุ๊กชอบที่เขาคอยบอกทิปส์ดีๆ หลายอย่างว่าอะไรควรทำแบบไหน คือช่วยเรานอกเหนือจากที่คาดหมายไว้จริงๆ ค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
การเตรียมงานส่วนมาก กุ๊กจะส่งไลน์คุยกับทางเรือนไทยค่ะ แล้วให้คนในครอบครัวช่วยเข้าไปดูบ้าง งานเช้าเราขอเขาไปว่าไม่หวาน ไม่เอาสีชมพู ถ้าจะขาวก็เอาดอกไม้ขาวทั้งงาน แล้วแซมเขียวเท่านั้นพอ ส่วนงานเย็นเราก็เน้นงานไม้ ใส่อารมณ์ความเป็นอเมริกันยุค 50’s เข้าไปนิดนึง เขาก็ทำให้ตามนั้นเลย ตกแต่งมาครบ มีอาหาร มีดนตรีพร้อมสรรพ
งานเย็น เน้นพร็อพไม้ สไตล์อเมริกันยุค 50’s
ส่วนของงานเย็นกุ๊กประทับใจมาก เพราะแว่วมาว่า มีพร็อพหลายอย่างที่เขาซื้อให้ใหม่ เพื่อให้ภาพรวมออกมาแม็ตช์กับธีมเราที่สุด พวกโต๊ะลงทะเบียนก็เป็นไม้ กรอบรูปก็สไตล์วินเทจ ยิ่งได้คนในครอบครัวมาช่วย เอาของตกแต่งมาเพิ่มอีก งานก็ยิ่งดูเต็มขึ้นไปกันใหญ่
สำหรับของชำร่วย กุ๊กเลือกทำเป็นถุงผ้า ตัวผ้าเป็นสีขาว มีลายฟ้อนต์ภาษาอังกฤษที่เราเลือก เสร็จแล้วก็ผูกทับด้วยเชือกสีน้ำตาล ติดแท็กชื่อบ่าวสาวอีกนิดเป็นอันเรียบร้อยสมบูรณ์
งานนี้ที่แฮปปี้มากๆ นอกจากบ่าวสาวก็คือแขกที่มาในงานค่ะ เพราะเพื่อนคุณพ่อคุณแม่ปกติเขาจะไปงานที่โรงแรมกันหมด พอมาที่นี่เขารู้สึกเหมือนได้เปลี่ยนบรรยากาศ รับลมดี อาหารอร่อย ยิ่งโดยเฉพาะขาหมูเบญจรงค์ที่ทุกคนชมกันเปาะ อร่อยถึงขั้นแขกเดินเข้าไปในครัวขอซื้อเพิ่มแล้วจะจ่ายเงินเองเลย (หัวเราะ) ฟินกันถ้วนหน้าทุกคนจริงๆ
แนะนำบ่าวสาว
นึกถึงใจเขาใจเราให้มากๆ โดยเฉพาะครอบครัวและเพื่อน : ยิ่งเตรียมงานทางไกลแบบกุ๊กอาจจะยิ่งเครียดหนักเป็นพิเศษค่ะ เพราะรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันมาพร้อมกันหมด พอไม่ได้ทำอะไรเองก็จะหาถูกใจได้ยาก ยิ่งไม่สบายใจไปกันใหญ่ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าเราต้องนึกถึงคนที่ช่วยเราเตรียมงานอยู่ทางนี้ด้วย เพราะเขาคือกำลังใจชั้นดีจริงๆ คอยช่วยปลอบเราให้เราใจเย็น
พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ฝากแค่หน้าที่ประสานงานอย่างเดียวเท่านั้นพอ : เชียร์ให้หาข้อมูลเตรียมพร้อมไว้เยอะๆ เลยค่ะ เวลาคนทางบ้านจะไปจัดการก็ให้บอกพิกัด บอกคอนแทค บอกสิ่งที่ต้องการไปให้หมด ถ่ายรูปส่งไลน์ไปให้ดูด้วยได้ยิ่งดีใหญ่ จะได้ไม่ลำบากเขามาก และเข้าใจตรงกันทุกฝ่ายค่ะ