X2 Resorts Kui Buriสถานที่แต่งงานที่ใช่ ใส่กับสไตล์ที่ชอบ
โดยส่วนตัวโต๊ดเป็นคนชอบธรรมชาติอยู่แล้วค่ะ ตอนแรกเรามองไว้สองที่ คือทะเลกับภูเขา แต่ถ้าภูเขา ก็น่าจะต้องเป็นที่เชียงใหม่เลย ซึ่งไกลไป เกรงว่าแขกจะเดินทางไม่สะดวก เลยเลือกเป็นที่ทะเลดีกว่า งานนี้เราเชิญเฉพาะญาติและเพื่อนสนิท ทั้งหมดรวม 100 คนเท่านั้น โดยปิดโรงแรม X2 Resorts Kui Buri (ครอสทู กุยบุรี รีสอร์ท) เพื่อสำรองที่พักไว้ให้แขกโดยเฉพาะ สำหรับรีสอร์ทนี้ โต๊ดว่าเขาโอเคมากๆ ในเรื่องของสไตล์ค่ะ นอกจากจะได้ลุคสบายๆ ดูไม่ได้ปรุงแต่งแล้ว เขายังโชว์วัสดุธรรมชาติจริงๆ ด้วย ยิ่งได้คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค มาออกแบบให้ ก็ยิ่งหลงรักที่นี่ไปกันใหญ่
ส่วนที่เลือกจัดงานวันที่ 31 มกราคม เพราะบ่าวสาว เกิดวัน เดือน และปีเดียวกันค่ะ คือวันที่ 28 มกราคม 2525 แต่เจ้าสาวเกิดเมืองไทย ส่วนเจ้าบ่าวเกิดที่ออสเตรเลีย เราเลยอยากจัดให้ใกล้ๆ วันเกิดเรา จะได้มีความหมายที่ดีนิดนึง แล้วก็ตั้งใจจะจัดเสาร์-อาทิตย์ แขกที่มาจะได้รู้สึกเหมือนมาเที่ยวพักผ่อนมากกว่ามางานแต่งงานเพียงอย่างเดียว ตบท้ายด้วยการออกแบบการ์ดให้เข้ากับธีม และใส่แผนที่ลงไปด้านในด้วยค่ะ
ส่วนช่วงตอนพิธี ต้องเกริ่นก่อนว่า ที่จริงเราทั้งคู่ไม่ใช่คนคริสต์ค่ะ แต่เราอยากปรับพิธีสงฆ์ให้ไปเป็นการทำบุญแยกต่างหากไปเลยมากกว่า จะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามากด้วย เหมือนได้มาพักผ่อนจัดงานแต่งงานสบายๆ อากาศดีๆ เริ่มกันตอนเย็นๆ เป็นวันที่มีความสุข และผ่อนคลายจริงๆ ทีนี้เราเลยปรับจากการมีบาทหลวงมาให้คุณพ่อเจ้าบ่าวช่วยรับหน้าที่เป็นคนคอยลำดับพิธีให้ คอยบอกให้เราสวมแหวน บอกให้เราให้คำมั่น ซึ่งตัวท่านเองก็แฮปปี้กับงานกึ่งพิธีกรให้ส่วนนี้มากเลยค่ะ
ถัดจากการสวมแหวน เราก็จะมีรินแชมเปญ และปล่อยลูกโป่ง โดยพยายามคุมโทนให้เป็นเฉดที่สดใส แต่ใกล้เคียงกับความเป็นเอิร์ธโทนมากที่สุด อย่างเดรสโค้ดหรือองค์ประกอบต่างๆ ในงาน ก็จะออกแนวน้ำตาล นู้ด เบจ ให้ดูกลมกลืนไปกับชายหาดค่ะ
ภาพดีและแสงโดน
สำหรับการจัดงานริมทะเล โต๊ดว่าข้อดีก็คือ ได้สถานที่ที่โรแมนติกจริงๆ ค่ะ ภาพสวย ได้สวมแหวนตอนพระอาทิตย์ตก เวลาผ่านไปแค่ไหนก็ยังดูไม่เชย ดูอบอุ่น น่าจดจำ แต่ก็อาจจะต้องระวังเรื่องสภาพอากาศกันนิดนึง อย่างของงานโต๊ดจัดงานช่วงเย็นถึงค่ำ อากาศดีมาตลอด แต่พอตกดึกฝนตกหนักมาก (โชคดีสุดๆ) เพราะฉะนั้นคำแนะนำสำหรับบ่าวสาวที่อยากจัดงานลักษณะนี้ก็คือ ต้องมีแพลนสำรองเผื่อไว้นิดนึงค่ะ ว่าถ้าเกิดฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ เราจะย้ายไปอยู่ตรงไหนอย่างไรได้บ้าง
เรื่องชุดเจ้าสาว เราก็ดีไซน์ให้ใส่ได้สำหรับสองช่วงเลยค่ะ เน้นแต่งลูกไม้และทำให้เข้ากับรูปร่างของเรามากที่สุด แล้วทำเป็นผ้าโปร่งเฉพาะช่วงต้นขา โดยความพิเศษคือ เราทำชุดตัวในสุดให้เป็นเกาะอกหางปลาค่ะ แล้วทำส่วนที่คลุมเป็นลูกไม้ไว้ใส่ข้างนอกเข้ามาเพิ่ม พอตอนจะเปลี่ยนเป็นงานกลางคืนก็แค่ถอดส่วนนอกออก เปลี่ยนทรงผมก็ได้อีกลุคนึงแล้วค่ะ
ปรับวิธีเซ็นอวยพรให้เข้ากับงานแต่งริมทะเล
ตอนช่วงอวยพร เราปรับให้มีทั้งหมดสองแบบค่ะ คือเขียนอวยพรบนหิน กับเขียนอวยพรในสมุด (ในกรณีที่อยากจะเขียนยาวขึ้นมาสักหน่อย) แล้วพอถึงช่วงพิธีตอนเย็น เราก็ใช้ไอเดียของคุณเจ้าบ่าว ที่เสนอให้ใช้บันไดของทางรีสอร์ทเป็นเวทีค่ะ ดูเก๋ดี และไม่ต้องไปสร้างเวทีขึ้นมาใหม่ด้วย ตรงปลายสุดของทางเราก็ตั้งเค้กไว้ แล้วก็ติดอักษรชื่อบ่าวสาวที่ทำจากไม้ไว้ตรงด้านหลังอีกที ตอนเดินลงมาก็จะส่องสปอร์ตไลท์เห็นทั้งหมดควบคู่กันไปด้วยเลย
โมเมนท์ที่โต๊ดประทับใจมากจะมีอยู่สองสามช่วงค่ะ อย่างแรกเลย คือเวลาที่เรากังวลหรือไม่สบายใจเรื่องความไม่เรียบร้อยของงานบางส่วน เจ้าบ่าวเขาก็จะใจเย็นมาก ช่วยให้เราสามารถคลายอารมณ์ลงได้ หรืออย่างชุดเจ้าสาวที่ด้านในมันเป็นสุ่ม เวลาเดินบนทรายแล้วจะกวาดเอาทรายเข้าไปในกระโปรงตาข่ายเราด้วย ช่วงนั้นก็ได้เพื่อนเจ้าบ่าวเกือบสิบคนมาช่วยกันเคาะออกให้ค่ะ น่ารักมากๆ และอย่างสุดท้าย คือตอนที่เพื่อนเจ้าสาวอวยพรเราค่ะ ซึ้งกินใจจนเราร้องไห้เลย
ท้ายสุดเรามีจุดพลุ ปล่อยโคม และเล่นไฟเย็นด้วย จะได้เสริมบรรยากาศริมทะเลให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เรียกว่าแขกที่มาทุกคนก็จะได้แฮปปี้จริงๆ เป็นบรรยากาศงานที่ทุกคนจะได้ผ่อนคลายก่อนเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่อย่างสดใสกว่าเดิม
แนะนำบ่าวสาว
มีความสุขตั้งแต่ตอนเตรียมงานเลยดีกว่า : อย่าไปเครียดกับมันมากค่ะ งานแต่งคืองานแห่งความสุข ระหว่างเตรียมงานเราก็ควรมีความสุข อย่างของโต๊ด เจ้าบ่าวเขาจะยุ่งมาก เราก็ต้องเป็นคนซัพพอร์ต ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจกันมากๆ ค่ะ ส่วนวันงานจริง ถ้าบางอย่างมันผิดพลาด ก็ไม่ต้องซีเรียสมาก บางที Accident ที่เกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ อาจจะเป็นเอกลักษณ์หรือกลายเป็นความทรงจำไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็กต์เป๊ะๆ มันก็โอเคได้ค่ะ