Chatrium Grand Bangkok ตอบโจทย์เรื่องห้องสวยแกลม แถมอาหารอร่อยมาก
ตอนแรกกีต้าร์และกันต์ (เจ้าบ่าว) อยากจัดงานแต่งเล็ก ๆ ในสวน แต่เมื่อเปรียบเทียบสถานที่จัดงานแต่ง outdoor ที่ไปดูมาทั้งหมด บวกกับสภาพอากาศร้อน ๆ ของเมืองไทย เราจึงเลือกจัดในโรงแรมเพราะครบจบ และสะดวกสบายกว่า ซึ่งถือว่าตัดสินใจถูกมาก ๆ เพราะวันงานจริง เป็นวันที่พายุเข้าหนักมากเลยค่ะ
เราอยากได้โรงแรมที่ดูสบาย ไม่อึดอัด เน้นเพดานสูง ๆ ให้ดูโล่งโปร่งไม่แพ้งานแต่งเอาท์ดอร์ ซึ่ง Chatrium Grand Bangkok (ชาเทรียมแกรนด์ กรุงเทพ) ตอบโจทย์นี้มากค่ะ จุดเด่นที่ทำให้เราปิ๊งที่นี่เลยคือ Chandelier ในห้อง Ballroom ที่ดูสวยแกลมมาก แถมมีจอ LED ด้วย ถ้าใครอยากได้โรงแรมบรรยากาศดี อาหารอร่อย แนะนำที่นี่เลยค่ะ
เนรมิตสวนดอกไม้ในห้องบอลรูม เติมเต็มทุกดีเทลเพื่อความยั่งยืน
กีต้าร์ทำงานด้าน Digital Sustainability เราจึงไม่อยากให้งานแต่งของเราสร้างขยะ ทุกอย่างที่เราเลือกจึงพยายามให้มัน waste น้อยที่สุด จะเห็นได้ชัด ๆ เลยคือแบ็คดรอป ที่เราเลือกนำไปตั้งในห้องบอลรูม และใช้เป็นฉากพิธีการไปด้วยในตัว ร่วมกับการใช้จอ LED ที่เราลงมือทำภาพและโลโก้เองทั้งหมด รู้สึกภูมิใจมากค่ะ พอมีแค่จุดเดียวเลยสามารถเน้นตกแต่งส่วนนี้ได้เต็มที่ โดยที่ยังอยู่ใน Budget ไม่บานปลายค่ะ
เราเลือกใช้ดอกไม้มาตกแต่งรอบ ๆ งานแต่ง โดยทำให้ดู Full Bloom เท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะอยากได้ความสดใส สดชื่น เหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ แต่ก็ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ Sustainability จึงเลือกใช้สัดส่วนดอกไม้ประดิษฐ์ 70% และดอกไม้สด 30% ค่ะ ยิ่งมี Centerpiece ดอกไม้สดที่โรงแรมเตรียมไว้ให้เข้าธีมกัน ยิ่งดูสดชื่นทั้งงานเลยค่ะ
งานของเราไม่มีแกลเลอรีบ่าวสาว แต่ใช้เป็นการโชว์รูปบนโปรเจคเตอร์แทน เช่นเดียวกับสมุดอวยพรที่เราคิดว่าคงไม่ได้เปิดอ่านบ่อย ๆ หรืออาจจะไม่ได้หยิบขึ้นมาอีกเลย จึงใช้การสแกนอวยพรออนไลน์แทนค่ะ รวมถึงมีรูป Canvas ต้นไม้ให้แขกได้ระบายสีกันด้วย แขกก็เอ็นจอยมากค่ะ
กีต้าร์อยากได้โทนงานสดใส แต่ไม่ Colorful มาก จะใช้สีชมพูบานเย็นที่ชอบก็ดูน่าเบื่อ เราเลยปิ๊งไอเดียว่าอยากใช้สีม่วง-พีช เพราะอยากให้ดูสนุก ซึ่งเรฟงานแต่งสีม่วง Lilac หรือ Lavender ในไทยมีน้อยมาก ตอนหาชุดเพื่อนเจ้าสาวสีม่วง เพื่อนก็โอดโอยกันใหญ่เพราะหายาก แต่พอมีงานแต่งคุณแต้ว-ณฐพร ที่ใช้สีม่วงเหมือนกันพอดี เพื่อนก็เลยเห็นภาพมากขึ้นค่ะ ส่วนชุดของเพื่อนเจ้าบ่าวจะใช้เป็นสีส้มพีชค่ะ
ของชำร่วยเราก็ไปเดินหากันเอง เพราะอยากได้ของที่ไม่น่าเบื่อ และเข้ากับคอนเซ็ปต์ความรักที่ผลิบานดั่งดอกไม้ เหมือนที่ทุกคนลุ้นอยากให้เราแต่งงาน หลังจากคบกันมาเกือบ 13 ปี และอยากให้ไม่ซ้ำใคร เอาไปใช้ได้จริงด้วย จึงได้เป็นพวงกุญแจที่ใช้ได้ทั้งผู้ใหญ่ที่มางาน หรือจะเอาไปฝากเด็ก ๆ ที่บ้านก็ได้ค่ะ
จัดงานแต่งแบบ Freestyle เน้นไวบ์ดี แขกมีความสุข
เราไม่ชอบพิธีการเยอะ แต่ยังจัดพิธียกน้ำชาเพื่อให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ โดยจัดให้กระชับ และปรับพิธีการให้เข้ากับคู่เราที่สุด พิธีจะเริ่มจากการยกน้ำชา ผู้ใหญ่อวยพรและให้ของขวัญเรา จากนั้นบ่าวสาวให้ของรับไหว้แก่ผู้ใหญ่ แล้วถ่ายภาพร่วมกันก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีช่วงบ่ายค่ะ
จากนั้นเราจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดงานฉลอง โดยภายในห้องจะเปิดพรีเซนเทชั่นที่น้องชายทำให้เป็นของขวัญ เมื่อเราเปิดตัวเข้ามาในห้อง ก็เริ่มพิธีฉลองที่สบาย ๆ ไม่มีพิธีรีตองเยอะ เน้นสังสรรค์พูดคุย ไวบ์ดี ๆ งานนี้จึงไม่มีประธานในพิธี ไม่มีคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาพูด โดยหลังจากสัมภาษณ์บ่าวสาวเล็กน้อย ก็จะเชิญพี่ที่ทำงานที่เราเคารพมาก ๆ มากล่าวอวยพรที่กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ และเป็นสิ่งที่เขาเห็นในตัวเราจริง ๆ ด้วยค่ะ
ช่วงพิธีการที่ไม่เยอะ ทำให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมกับเราตลอด ช่วงพูดมีแค่ 10-15 นาที จากนั้นเราก็ไปตัดเค้ก โยนช่อดอกไม้ แล้วเริ่ม Session ถ่ายรูปเลย ซึ่งแขกก็จะ Freestyle กันเลยค่ะ บางคนก็ไปเล่น Photobooth ระหว่างรอ
โจทย์ของงานแต่งเราคืออาหารต้องอร่อยเท่านั้น หลังจากได้ Food tasting ไปก็เลยมั่นใจและสบายใจ ข้อที่สองคืออยากให้ทุกคนมีที่นั่งสบาย ๆ ไม่ต้องยืนนาน จึงเลือกจัดเลี้ยงแบบ Buffet ค่ะ รายการอาหารเขามีเยอะมากกว่า 20 ชนิดเลย ซึ่งอร่อยจนแขกชมกันไม่ซ้ำเมนู ชมตั้งแต่สลัด อาหารไทย อาหารฝรั่ง จนถึงขนมหวาน อร่อยจนแขกโหวตให้งานเราเป็นที่ 1 เลยค่ะ แถมเสิร์ฟไม่หยุดจนมีญาติเดินมาถามว่าอาหารหยุดเสิร์ฟกี่โมง เพราะจนจะกลับแล้วเขาก็ยังเสิร์ฟให้อยู่เลยค่ะ
ช่วง After Party ของเราจะใช้เป็น DJ เปิดเพลงค่ะ โดยเพื่อน ๆ จะได้มาพูด Speech ในช่วงนี้แทน เรามีเพื่อนเยอะมาก ฝั่งเพื่อนเจ้าสาวมีกันถึง 18 คนเลย โดยจะมีตัวแทน 7 คนขึ้นมาอวยพร ส่วนฝั่งเจ้าบ่าวก็มีอีก 3 คน ซึ่งไม่ได้กินเวลานานมากค่ะ แต่อยากให้ความสำคัญกับเพื่อนที่รักเรา และเขาตั้งใจมางานแต่งเราจริง ๆ แถมมีการเปิดวาร์ปให้เพื่อนที่ยังโสดแบบสนุก ๆ ด้วยค่ะ
งานออกมาตรงใจทุกอย่าง เพราะได้ทีมงานที่ดี
เราโชคดีที่ Vendor ทุกเจ้าที่เราใช้ เขาดีหมดเลย คอยช่วยเอนเตอร์เทนแขก ถึงเจอปัญหาก็ช่วยจัดการจนผ่านไปได้ ต้องขอบคุณทางโรงแรมและเซลล์อย่างคุณหนู ที่ช่วยจัดเตรียมทุกอย่างที่เราอยากได้ ให้งานแต่งออกมาตรงใจเราที่สุด เราประทับใจทุกเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในงาน และภูมิใจมาก ๆ ที่ได้จัดงานนี้ขึ้นด้วยตัวเอง ดีใจที่งานแต่งงานของเราน่าจดจำ บรรยากาศอบอุ่น สนุก แต่สบาย ๆ รายล้อมด้วยคนที่เรารักและสนิท ฟีดแบ็กออกมาดีมาก ๆ ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
การสื่อสารสำคัญที่สุด : การสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่บางทีอาจคุยยากหน่อย แต่ให้เข้าใจว่าเกิดจากความหวังดีของเขา ส่วนระหว่างคู่บ่าวสาวต้องเปิดใจคุยกัน เพื่อให้ได้งานที่ออกมาตรงใจของทั้งคู่ สุดท้ายคือการสื่อสารกับ Vendor ที่ต้องชัดเจนว่าเราอยากได้อะไร มีภาพในหัวแบบไหน เพื่อให้เขาสามารถเข้าใจความต้องการของเราได้
ควรมีภาพในหัวชัดเจน : แนะนำให้ดูเรฟเยอะ ๆ หาสิ่งที่เราอยากได้จริง ๆ ว่าเราอยากให้ตัวเองรู้สึกยังไงกับงาน และอยากให้คนที่มางานรู้สึกยังไง อยากมีธีมงานหรือบรรยากาศเป็นแบบไหน ยิ่งมีภาพชัด ยิ่งทำให้เวลาตัดสินใจเลือกอะไรก็ง่าย และรู้ทันทีว่ามีตรงไหนที่อยากจะปรับเปลี่ยนบ้าง
แพลนงานร่วมกัน : ทุกคู่มีภาพงานแต่งในฝันอยู่แล้ว เวลาคนหนึ่งอยากได้อะไร ก็ให้ปรับสิ่งที่เราอยากได้ลงไปด้วย เพื่อให้คนรักได้สิ่งที่เขาต้องการ และเราก็ได้สิ่งที่ทำแล้วรู้สึกมีความสุขด้วย เวลาเตรียมงานที่เห็นไปในทิศทางเดียวกันจะรู้สึกสนุก และงานก็จะออกมาได้ตามสิ่งที่เราตั้งใจจริง ๆ ค่ะ
Photographer : AiStudio.wedding