สถานที่แต่งงานขนาดใหญ่ รองรับแขกได้จำนวนมาก @The Athenee Hotel
งานของเรามีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้าประมาณ 11 เดือนค่ะ เริ่มจากหาฤกษ์ แล้วก็จองสถานที่แต่งงาน ฤกษ์มงคลที่พระมหาราชครูฯ ให้มาเป็นวันพฤหัส เรากลัวแขกมาไม่สะดวกจึงเลือกจัดงานฉลองสมรสในวันเสาร์ งานของเราเลยแบ่งเป็นวันหมั้น 1 วัน และฉลองอีก 1 วันค่ะ
สถานที่ในการจัดงานหมั้นและงานฉลอง เราตั้งใจเลือกโรงแรมเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการประสานงานกับเซลล์ มาลงตัวที่ The Athenee Hotel, A Luxury Collection Hotel, Bangkok (ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น) เพราะเป็นโรงแรมที่ไปด้วยกันบ่อย ทั้งไปทานข้าว ไปร่วมงานแต่งงาน นอกจากนี้ยังเป็นโรงแรมที่เดินทางไปได้สะดวกและ รองรับแขกจำนวน 700 คน ได้สบาย ที่สำคัญเซลล์และพนักงานทุกคนเป็นมืออาชีพ ไว้ใจได้ เรียกว่าครบสูตรเลยทีเดียว (หัวเราะ)
โดยงานหมั้นเราเลือกจัดที่ห้องคันธวาส ส่วนงานฉลองจัดที่ห้อง Grand Hall เนื่องจากแขกค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะแขกผู้ใหญ่ ส่วนอาฟเตอร์ปาร์ตี้กับแก๊งเพื่อนสนิท เราจัดในวันฉลองสมรสแต่แยกสถานที่ไปเลย วิธีนี้ช่วยให้เราดูแลแขกแต่ละกลุ่มได้เต็มที่ ตามลักษณะการจัดงานที่เหมาะสม
พิธีหมั้นสวยได้ใจ สไตล์ไทยโมเดิร์น
พูดถึงห้องคันธวาส ที่ใช้เป็นสถานที่ในการจัดงานหมั้น เราเลือกห้องนี้เพราะความโปร่ง เพดานสูง จึงสามารถตกแต่งได้หลายแบบ อย่างของแตงกับเอ้จัดแบบไทยโมเดิร์น ก็ดูเข้ากันพอดี เราเลือกใช้ชุดขันหมากแบบประยุกต์ ใช้ชุดโต๊ะหลั่งน้ำและเก้าอี้ชิวารี่สีขาว เพื่อให้ดูสบายตา ใช้สายกั้นประตูขันหมากที่ทำจากใบยูคาลิปตัสถักร้อยกันมา เพื่อให้ดูเข้ากัน
ในส่วนของฟังก์ชั่นการใช้งาน ห้องนี้ก็จัดได้อย่างลงตัว พิธีสงฆ์จัดในห้องด้านใน ส่วนพิธีตักบาตรก็จัดที่โซนด้านนอกที่อยู่ติดกัน ซึ่งถือว่าสะดวกมากเลยค่ะ ในห้องคันธวาสยังมีบันไดให้เจ้าบ่าวขึ้นไปรับตัวเจ้าสาวลงมาด้านล่าง และระเบียงตรงบันไดยังเป็นมุมถ่ายรูปที่สวยมากอีกด้วย ขนาดของห้องก็กำลังพอดี เราตั้งใจเชิญญาติและเพื่อนที่สนิทมาร่วมงานประมาณ 100-120 คน เป็นงานเล็กๆ อยากให้บรรยากาศงานออกมาอบอุ่นและเป็นกันเองค่ะ
พิธีการของเราเริ่มจากพิธีสงฆ์ในช่วงเช้าเวลา 7.00 น. ตามด้วยพิธีสู่ขอ สวมแหวน และหลั่งน้ำสังข์ มีขันโตกจัดต่างหากสำหรับพระแต่ละรูป โดยระหว่างที่พระฉันภัตตาหารเช้า แขกจะไปตั้งแถวเตรียมแห่ขบวนขันหมาก ส่วนของรับไหว้แตงใช้เป็นผ้าขนหนู 12 ชุดค่ะ
ที่ดีมากคือช่วงขันหมากนั้น เพื่อนๆ ก็เตรียมคำถามและเกมส์สนุกๆ มา มีทั้งหมด 9 ประตู แตงคิดว่าจำนวนประตูเท่านี้กำลังดี ไม่ยืดเยื้อ ทันเวลาตามฤกษ์ เพราะเราต้องสวมแหวนกันตอน 09.29 น. ซึ่งแตงเองก็วางตัวไว้เลยว่าประตูไหน ใครจะยืนคู่กันบ้าง เพราะเพื่อนเรามาจากหลายกลุ่ม พอเขาได้ยืนคู่กับคนที่สนิท งานก็สนุกขึ้นโดยปริยายค่ะ จากตรงนี้ถึงแตงจะต้องอยู่ในห้องรับตัว แต่ฟังก์ชั่นของห้องคันธวาสก็ดีมาก เป็นสัดส่วน ตรงห้องรับตัวมีกระจก ให้เราแอบมองลงไปดูบรรยากาศสนุกๆตอนตั้งแถวได้ค่ะ
อาหารที่สร้างความประทับใจ ตอบโจทย์เรื่องความหลากหลายไปในตัว
อาหารสำหรับวันหมั้น ช่วงเช้าจะมีคอฟฟี่เบรก ส่วนกลางวันเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารไทย และเพิ่มซุ้มอาหาร และเนื่องจากเราคิดว่าจะมีแขกกลุ่มหนึ่งที่มาทั้งงานหมั้นและงานฉลอง เราจึงเลือกอาหารงานฉลองเป็นแบบ Standing Buffet สไตล์ฝรั่ง เพื่อให้เมนูหลากหลายค่ะ
Standing Buffet วิธีจัดเลี้ยงแนวใหม่
ปกติเวลาไปงานแต่งงาน เรามักจะเห็นว่าถ้าแขกเยอะ บ่าวสาวนิยมจัดค็อกเทลแล้วเพิ่มซุ้มอาหาร แต่งานเราไม่มีแพลนเนอร์ เลยลองผิดลองถูกเองหมด เราเห็นว่าแขกส่วนใหญ่ไม่ค่อยทานค็อกเทล เพราะไม่อิ่มท้อง เลยไปต่อแถวกันตรงซุ้มมากกว่า แตงกับเอ้เลยปรึกษาโรงแรมว่าถ้าเราเปลี่ยนเป็นเน้นอาหารคาวแบบบุฟเฟ่ต์แทนจะได้มั้ย แต่ด้วยความที่อยากให้งานเป็นกันเอง และให้แขกได้คุยกันอย่างทั่วถึง เราเลยขอให้เค้าจัด look and feel เป็นแบบค็อกเทล แต่อาหารจัดเต็มเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ โดยเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์สำหรับแขก 700 ท่านและเพิ่มซุ้มอาหารอีก 2,000 portions ค่ะ
เนื่องจากเอ้เป็นคนชอบทานอาหารฝรั่งเลยขอ create menu บางชนิด เราเลือกซุปกุ้ง lobster และ lamb chob มาเป็น highlight ของงาน สำหรับอาหารญี่ปุ่นเราสองคนชอบทานปลาดิบมากกว่าซูชิ ซุ้มญี่ปุ่นของเราเลยเน้นไปที่ปลาดิบ แล้วก็เสริมด้วยซูชิแฟนซี เรียกได้ว่าอาหารญี่ปุ่นซุ้มนี้เรา 2 คนไป test เองเลยค่ะ ส่วนปริมาณเราก็ขอจัดเต็มนะคะ (หัวเราะ) ก็แอบดีใจที่เพื่อนแตงเพื่อนเอ้ทุกคนพูดตรงกันว่าเป็นงานที่อาหารอร่อยมาก อิ่มมาก แล้วก็เป็นงานที่อาหารญี่ปุ่นมีเพียงพอจนงานเลิกเลยค่ะ
งานฉลองสวยเป๊ะได้ ไม่ต้องพึ่งเดรสโค้ด
งานฉลองของเราโดยไม่ได้กำหนดเดรสโค้ดไว้ เพราะไม่อยากให้เป็นภาระสำหรับแขกที่มาร่วมงาน การ์ดแต่งงานเราเลือกใช้สีออฟไวท์ ออกโทนงาช้าง ตัวอักษรสีโรสโกลด์ คนเห็นการ์ดปุ๊บก็จะรู้สึกกลางๆ ใส่สีอ่อนๆ อะไรก็ได้ ซึ่งเราให้ทีมตกแต่ง จัดดอกไม้เป็นสีขาว เขียว ทอง เเซมชมพูนิดๆ พอให้มีสีสัน โดยกำหนดให้ดอกไม้บริเวณอุโมงค์ทางเดิน backdrop เวที ซุ้มเค้ก ช่อบูเก้ รวมถึงดอกไม้ที่ข้อมือเพื่อนเจ้าสาวเป็นดีไซน์เดียวกัน ส่วนชุดเพื่อนเจ้าสาวเราเป็นสีทองเข้ม จะได้คุมโทน
การวางเลเอ้าท์ พอขึ้นบันไดมาจะเจอโต๊ะลงทะเบียน เราจัดให้มีไวโอลินมาเล่นบรรเลงเพลงให้ฟังเพลินๆ ระหว่างรอ ถัดไปจะเป็นอุโมงค์ทางเดินสีขาว ซึ่งมีรูปพรีเวดดิ้ง ตกแต่งด้วยดอกไม้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึง backdrop
ส่วน Backdrop งานแต่ง ด้วยความที่เจ้าบ่าวแพ้เกสรดอกไม้ แต่เจ้าสาวชอบดอกไม้มาก (หัวเราะ) เราเลยดูว่าตรงไหนตกแต่งยังไง จากช่วงเวลาที่เราจะใช้กับพื้นที่ส่วนนั้นค่ะ อย่างเวทีด้านในห้องจัดเลี้ยงกับเค้ก ดอกไม้จะเยอะกว่าเพราะเรายืนไม่นานนัก ตรงส่วน Backdrop ก็จะดอกไม้น้อยหน่อย เน้นดีไซน์ไปค่ะ
สำหรับของชำร่วย เราอยากนำค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงทำเป็นการ์ดเล็กๆ แสดงความขอบคุณ มอบให้แขกแทนของชำร่วย แล้วนำงบตรงส่วนนี้ไปบริจาคให้ศิริราชมูลนิธิ เพื่อผู้ป่วยยากไร้และสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา เรียกว่า อิ่มท้อง อิ่มใจ อิ่มบุญกันทุกคนค่ะ
แตงประทับใจงานในวันนั้นทุกส่วน เพราะเราตั้งใจเตรียมมา พอเตรียมเองก็รู้ว่าติดขัดตรงไหน ต้องแก้ยังไง ยิ่งได้พี่แม็พ Map Wedding Planner มาช่วยรันคิวให้ ทุกอย่างก็ราบรื่นดี ช่วงก่อนเริ่มงานมีฉาย OB ถ่ายทอดสดบรรยากาศหน้างานให้คนในห้องได้เห็นด้วย เพื่อนๆ ญาติๆ ทุกคนก็เอนจอย งานออกมากระชับ ตรงตามเวลา เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
เลือกใช้ Vendors ที่เคยทำงานกับสถานที่แต่งงานของเรา : เพราะทุกอย่างจะง่ายขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ ทีมงานกับเซลล์โรงแรมอาจจะรู้จักกันอยู่แล้ว ซึ่งเขาจะประสานงานคุยกันเอง โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ยิ่งถ้าเขามีประสบการณ์กับสถานที่ ภาพรวมจะออกมาดูดีมาก การออกแบบตกแต่งก็สะดวกขึ้น รู้วิธีการทำงานร่วมกันหมด อย่างช่างภาพก็จะรู้มุม ห้องนี้ต้องถ่ายมุมไหน ใช้ช่างภาพกี่คนถึงเอาอยู่ เป๊ะไปหมด เรียกง่ายๆว่า "รู้งาน" บ่าวสาวไม่ต้องกังวลอะไรมากเลยค่ะ
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
สถานที่แต่งงาน:
The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, BangkokWedding Planner:
Map Wedding Plannerช่างภาพ วิดีโอ:
Yordtaoช่างแต่งหน้า:
mookmake