รีวิวงานแต่งสวยแบบเทพนิยาย แรงบันดาลใจจากหนัง 'Tangled' ของ Disney @ The Berkeley Hotel Pratunam

The Berkeley Hotel Pratunam สถานที่สวยหรู ห้องจัดงานสุดอลัง

       สำหรับการหาสถานที่จัดงาน แซนดี้แทบไม่คิดมากเลยค่ะ เพราะเล็ง The Berkeley Hotel Pratunam(โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ)ตั้งแต่แรก เพราะเคยมีโอกาสเจอคุณฝ้าย ทีมของโรงแรมที่มาดูแลงานแต่งของพี่สาวในตอนนั้น เห็นเขาทุ่มเทจริงจังจนเราอยากร่วมงานด้วย พอถึงคิวตัวเองที่ได้จัดงานจริง ๆ ก็เลยเลือกที่นี่ค่ะ 

       นอกจากเรื่องทีมงานแล้ว เราชอบห้องบอลรูมของที่นี่เพราะมีพื้นที่กว้างขวางมาก ๆ และเพดานสูง อีกทั้ง โลเคชั่นของโรงแรมก็ดี เพราะใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่ง งานนี้แซนดี้มีแขกเดินทางมาจากต่างประเทศเยอะพอสมควร เนื่องจากเจ้าบ่าวเป็นคนอเมริกัน ฉะนั้นที่นี่จึงสะดวกกับแขกต่างชาติที่อยากช้อปปิ้งเพิ่มเติมด้วยค่ะ

Midnight Blue - Lavender - Champagne Gold ธีมสีที่มาจากหนังสุดโปรดอย่างเจ้าหญิงราพันเซล 'Tangled'

       โชคดีตรงที่งานนี้ครอบครัวของเราและเคเล็บ (เจ้าบ่าว) ให้อิสระเต็มที่ แซนดี้จึงใส่ความชอบลงไปด้วยการดึงโทนสีอย่าง สี Midnight Blue , Lavender และสี Champagne Gold จากหนังดิสนีย์สุดโปรดเรื่อง Tangled  มาเป็นสีหลักในการตกแต่งส่วนต่าง ๆ  นอกจากนั้นมีการใช้ไฟดวงกลมและใช้ดอกไฮเดรนเยียแซมเพิ่มเข้าไปด้วย บริเวณซุ้มแกลอรี่ก็มีดอกไม้เรียงรายเป็นทางยาว พร้อมวางต้นไม้ใบสีขาวให้ฟีลเหมือนหน้าหนาวหน่อย ๆ โรงแรมมีออปชั่นพิเศษเสริมให้ คือ น้ำแข็งสลักเป็นภาพ เราเลยเลือกเป็นผู้ชายคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานเพราะคิดว่าน่ารักดีแถมเข้ากันกับธีมงานด้วยค่ะ

       ถ้าเดินผ่านจุดนี้ไป จะพบ Backdrop ถ่ายภาพ ที่เราภูมิใจนำเสนอมาก เพราะเราให้ทีมดีไซน์กราฟิกขึ้นมาใหม่ โดยหากสังเกตดี ๆ ในภาพจะเห็นเจ้าหญิงกับเจ้าชายนั่งอยู่บนเรือท่ามกลางท้องทะเลกว้างใหญ่ โดยมีปราสาทอยู่ไกล ๆ เป็นฉากหลัง บนท้องฟ้าก็จะมีโคมลอยซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของหนัง และด้วยความที่เราไม่อยากให้มีมิติเดียวจึงทำขอบฉากให้ดูเป็นกรอบขึ้นมาอีกเลเยอร์ และเติมไฟเส้นระยิบระยิบด้านบนฉากด้วยค่ะ

       ส่วนด้านในห้องบอลรูม แขกจะเห็นการตกแต่งตั้งแต่ทางเดินเข้างานเลย  โดย 2 ข้างทางจะประดับด้วยพุ่มดอกไม้แทรกไฟดวงเล็กๆให้ความระยิบระยับ ส่วนบนโต๊ะจัดเลี้ยงเราอยากให้บรรยากาศดูมีความโรแมนติกเบา ๆ จึงเติมดอกไม้และประดับเทียนไฟฟ้าเข้าไปค่ะ   

       นอกจากบนเวทีจะมีการตกแต่งดอกไม้และดวงไฟแล้ว พื้นหลังเวทีเราใช้ผ้าม่านสีกรมท่า ตกแต่งด้วยไฟดวงกลมขนาดกลางห้อยจากด้านบน และไฟดวงเล็กกระจายทั่ว ๆ ให้เหมือนดวงดาวเพิ่มความระยิบระยับ โดยมีชื่อบ่าว-สาว ประดับไว้ตรงกลางค่ะ

พิธีการงานฉลอง เพิ่มความพิเศษที่บ่าว-สาวโชว์ร้องเพลง และเต้นรำสุดโรแมนติก

       กำหนดการงานเริ่มราว ๆ 6 โมง โดยหลังจากลงทะเบียนรับของชำร่วยเป็นสเปรย์แอลกอฮอล์แล้ว แขกสามารถเลือกมาถ่ายภาพกับเรา หรือเลือกไปถ่ายรูปเล่นที่ซุ้ม Photo Booth ก่อนก็ได้ จากนั้นเมื่อเข้าไปในห้องจัดงาน แขกจะได้พบกับบรรยากาศที่อบอวลด้วยฟีลดิสนีย์จริง ๆ เพราะจอโปรเจกเตอร์ในห้องฉายภาพโมชั่นกราฟิกที่เป็นโคมลอยขึ้นท้องฟ้ารันไปเรื่อย ๆ พร้อมได้ยินเพลงรวมมิตรจากภาพยนตร์ดิสนีย์ที่เราคัดสรรมาเป็นพิเศษค่ะ

       เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการ ในห้องจะเปิดประมวลภาพพรีเวดดิ้ง ต่อด้วยวีดีโอพรีเซ็นเทชั่นที่เราทำเอง เมื่อเดินขึ้นเวทีแล้วเราทั้งคู่ก็ร้องเพลง The Prayer ของ Celine Dion & Andrea Bocelli ด้วยกัน ที่เลือกเพลงนี้เพราะความหมายดี เหมือนเป็นการอธิษฐานนำทางให้เราสองคนได้เจอสิ่งดี ๆ และฟังแล้วอบอุ่นหัวใจค่ะ จากนั้น ก็มีท่านประธานมากล่าวอวยพร ตามด้วยเพื่อนบ่าว-สาว และครอบครัวมาพูด Speech บนเวทีซึ่งเป็นช่วงที่เราประทับใจมากค่ะ

       ในช่วงท้ายเราเต้นเฟิร์สแดนซ์ในเพลงประกอบหนัง Tangled ที่ชื่อว่า  I See The Light โดยเราทุ่มเทกับโชว์นี้มาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่า ซ้อมหนักมากจนเหนื่อยอ่อนกันทั้งคู่เลยค่ะ (หัวเราะ) หลังเต้นรำจบ ก็เป็นการตัดเค้กและโยนช่อดอกไม้แล้วจึงจบพิธีอย่างเป็นทางการค่ะ

       สำหรับอาหารจัดเลี้ยงงานนี้ เป็นเมนูบุฟเฟ่ต์อินเตอร์เนชั่นแนล มีพวกซุปเห็ด พาสต้า ซึ่งแขกชมว่าอาหารเยอะมากและอร่อยดี เดินไปตักกันหลายรอบเลย พอทุกคนบอกว่าชอบเราก็แฮปปี้แล้วค่ะ

โมเมนต์ดี ๆ จากชุดสวยและความพยายามของคุณเจ้าบ่าว 

       ก่อนอื่นเลย แซนดี้ประทับใจและอยากขอบคุณเคเล็บมากค่ะ เพราะเขาไม่ชอบการแสดงออก (หัวเราะ)  แต่ก็ยอมลงทุนซ้อมเต้นและซ้อมร้องเพลงให้เรา  เพื่อสร้างเรื่องราวดื ๆ ในวันงานร่วมกัน น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ 

       ต่อมา ประทับใจชุดเจ้าสาว เพราะแซนดี้มีภาพในหัวชัดมากว่าอยากได้แบบไหน พอเห็นชุดที่ดีไซน์ออกมาสวยกว่าที่คิดไว้ก็ปลื้มเลยค่ะ แถมชุดของเราต้องตอบโจทย์เรื่องการเต้นรำที่มีการขยับเคลื่อนไหวร่างกายไปมา ในวันงานชุดของเราไม่มีพันแข้งพันขา และยังดูพลิ้วไหวไม่เทอะทะด้วยค่ะ 

       แซนดี้ชอบแสง สี เสียงของวันงานมาก เพราะพอย้อนกลับไปดูช่วงที่เต้นเฟิร์สแดนซ์ คือ สวยจริง ทีมซัพพลายเออร์ทำออกมาได้ดีมากค่ะ และอีกส่วนที่อยากขอบคุณ คือ คุณครูโบว์ที่ช่วยคิดท่าเต้นรำที่สวยงาม และครูแนนที่สอนร้องเพลง และช่วยเราอย่างเต็มที่จริง ๆ ค่ะ

       สุดท้าย ประทับใจคุณฝ้ายมากที่ทุ่มเทเพื่องานเราจริง ๆ มีจังหวะหนึ่งที่ดรายไอซ์มันปล่อยออกมาเยอะแล้วเขากลัวเจ้าบ่าว เจ้าสาวจะลื่นล้ม เขาเป็นคนลงไปนั่งเพื่อเช็ดพื้นด้วยตัวเองเลย นอกจากนั้นอยากขอบคุณสถานที่และทีมงานโรงแรมที่ดูแลเราดีมาก และขอบคุณทุกทีมเลยที่ช่วยเหลืองานเราเป็นอย่างดีด้วยค่ะ

Youtube : คลิกเพื่อรับชมคลิปวิดีโอบรรยากาศภายในงาน

แนะนำบ่าวสาว

อย่าชะล่าใจ ควรให้เวลาในการเตรียมงานเยอะ ๆ : การที่เราจะใส่ใจดีเทลทั้งในเรื่องเล็กๆและเรื่องใหญ่ได้ ล้วนต้องใช้เวลาเพราะบางทีไอเดียแต่ละอย่างมันไม่ได้มาพร้อมกัน หรือ มาตั้งแต่ต้น ฉะนั้น หากเราไม่ให้เวลาและเร่งรีบในการเตรียมงาน ผลสุดท้ายงานจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

ช่างภาพสำคัญ เลือกให้ดี จะได้มีโมเมนต์ประทับใจเยอะ ๆ : ช่างภาพจะเป็นคนที่เก็บโมเมนต์ต่าง ๆ ที่บ่าว-สาวอาจไม่เห็นในวันงาน ฉะนั้น ควรเลือกช่างภาพที่มีความชำนาญและประสบการณ์มากพอที่จะรู้สไตล์การถ่ายภาพงานแต่ง เพื่อที่จะสามารถเก็บโมเมนต์ดี ๆ หรือไฮไลท์ของวันงานได้อย่างไม่พลาด เผื่อวันไหนเรากลับมาย้อนดูจะได้เห็นภาพรวมของงานที่มีแต่เรื่องราวดี ๆ ชวนให้หายคิดถึง

เลือกสถานที่ดี ๆ ในการจัดงาน : การเลือกสถานที่ที่ดี นอกจากความสวยแล้ว ควรมีทีมงานที่ดี ที่สามารถเห็น vision ตรงกับเราได้ รวมถึง ทีมงานที่ให้ใจกับงานเรา คือ  มีความมุ่งมั่นและเต็มใจอยากช่วยเหลือเราอย่างจริงใจ ไม่ใช่ทำเพียงเพื่อหน้าที่ไปเท่านั้น

รองเท้าเจ้าสาวนอกจากสวย ต้องใส่สบายด้วย : ส่วนตัวมองว่า รองเท้าของเจ้าสาวนี่สำคัญมากค่ะ เพราะวันงานเราจะต้องยืนเกือบทั้งงานเลยก็ว่าได้ ดังนั้นหากรองเท้าไม่ดี ใส่ไม่สบาย พอถึงจุดหนึ่งที่ทนไม่ไหว มันจะออกมาทางสีหน้าโดยไม่รู้ตัว แขกอาจจะเห็นเรายิ้มแบบไม่จริงใจ เพราะเรากำลังทรมานอยู่ค่ะ อย่างแซนดี้เองต้องมีโชว์เต้นรำ ซึ่งตอนเต้นมีโอกาสเห็นรองเท้าด้วย เราจึงต้องใส่ใจเลือกรองเท้า ต้องมีความบาลานซ์ นอกจากจะทรงสวยแล้วยังต้องใส่สบายด้วย โดยรองเท้าที่แซนดี้สั่งตัดสูง 4 นิ้ว แต่สามารถยืนได้นานหลายชั่วโมง โดยไม่รู้สึกเจ็บหรือรองเท้ากัดเลย เพราะแผ่นรองเท้าเขานิ่มมากและมีการเสริมความสูงของรองเท้าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในระดับไล่เลี่ยกัน ทำให้รูปเท้าของเราไม่เทไปข้างหน้ามากเกินไป ใส่แล้วสบาย ไม่เหมือนต้องเขย่งเท้าตลอดเวลาค่ะ

Photo : sixtysix production