The Apothecary Venue สถานที่แต่งงานมีเสน่ห์ เก๋ด้วยบรรยากาศแบบยุโรป
เปเลือกสถานที่แต่งงานที่ The Apothecary Venue (ดิ อะพอธธิคารี) เพราะเราไม่ชอบแนวโรงแรมค่ะ ไม่อยากให้งานออกมาดู Traditional มาก ประกอบกับไม่อยากได้แนวที่เป็น Wedding House หลังจากเลือกอยู่นาน สุดท้ายก็มาลงตัวที่นี่ วันที่เข้าไปดูสถานที่จริง เจ้าบ่าวเขาเข้าไปดูก่อน แล้วฟีดแบคมาว่าชอบ เราเองดูจากภาพกับคำบอกเล่าของเขาตรงนี้ก็ตัดสินใจง่าย โอเคเลยค่ะ
สไตล์ของ The Apothecary Venue น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบแนวอังกฤษนิดๆ ดูเก๋ และมีรสนิยมค่ะ เราไม่ค่อยได้เห็น Art Piece ลักษณะนี้ในเมืองไทย อย่างที่อื่นก็จะดูหลุยส์ไปเลย มีเสา ดูวิจิตร แต่ที่นี่จะยังดู Gothic มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร แล้วเขามีลูกเล่นพร้อมอยู่แล้ว สวยจนไม่ต้องตกแต่งเยอะ จัดงานง่าย ไม่ต้องสร้างบรรยากาศหรือธีมขึ้นมาครอบไว้มากค่ะ
ครบสูตรด้วยทีมงานคุณภาพแบบครบวงจร
สำหรับเรื่องทีมงาน ที่นี่เปรู้สึกว่าเขาเป็นทีมคุณภาพมากๆ Back up เราอย่างดีทั้งเรื่องฟังก์ชั่นการจัดงานและจิตใจ คนที่กำลังจะแต่งงานมันกังวลหลายอย่าง เขาเป็นทีมที่ออแกไนซ์ให้เราทุกอย่าง เราไม่ต้องจ้างใครจากข้างนอกเข้ามาประสานกับคนในโลเคชั่น เป็น One Stop Service ที่ละมุนละม่อม ไม่ Commercial วิธีการที่คุยกับเราก็ทำให้เราผ่อนคลาย มั่นใจว่าเขาดูแลเราได้แน่นอน
อบอุ่นมีสไตล์ ในพื้นที่เป็นส่วนตัว
เรื่องพิธีการ ช่วงเช้าเราจัดพิธีหมั้นแบบไทยในห้องชั้นบน (Wonder Room) เน้นแขกญาติและคนสนิท เปเลือกชุดปาดข้าง สะพายแล่งให้ดูมีกลิ่นอายแบบไทยๆ โมเม้นท์ช่วงนี้จะเป็นฟีลลิ่งที่อบอุ่นมาก เราได้สบตาคนในครอบครัวของเราทุกคน
หลังจากนั้นเราจะไปเปลี่ยนเป็นชุดสีขาว ดีไซน์โดยพี่ผักกาด (ประภากาศ อังศุสิงห์ –เจ้าของแบรนด์ Hook’s by Prapakard) ชุดนี้เป็นชุดที่อยู่ใน Elle Fashion Week มีเครื่องหัวสีทอง เพื่อที่จะเข้าสู่ช่วง Speech ในสวน ซึ่งพาร์ทนี้ก็ค่อนข้างไลฟ์สไตล์ สบายๆ มากขึ้น กรี๊ดกันกับเพื่อนได้ (หัวเราะ) บ่าวสาวเราจะพูดขอบคุณแขก มีเจ้านาย คุณพ่อ เพื่อนของทั้งสองฝ่ายมากล่าว ปนกันไประหว่างความซึ้งและความตลก หลังจากนั้นก็ Toast แล้วไปทานข้าวกันด้านในค่ะ
ประยุกต์ใช้ไอเดียของชำร่วยได้อย่างเริ่ด
ตลอดทั้งงานเราเชิญแขกมา 300 คน ซึ่งก็จะมีช่วงสลับหมุนเวียนกันมาและกลับบ้าง สีหลักจะใช้เป็นสี Royal Blue & Ruby Red ภายใต้ธีมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Art Deco ค่ะ พร็อพที่ใช้ตกแต่งจะมีดอกไม้เล็กน้อย กิ่งไม้ใบไม้สีทอง ซึ่งทางสถานที่เขาช่วยดีไซน์ให้เลย
งานเราไม่มีของชำร่วย แต่จะให้แขกเลือกบริจาค 3 ที่ที่เราจะไปทำบุญให้ มีโถ 3 โถต่างมูลนิธิกัน แขกเซ็นเสร็จ เขาก็จะหยิบเอาการ์ดที่แทนเงิน 30 บาท เลือกหยอดลงไปในโหล ฟีดแบคตรงนี้ดีมาก มีแต่แบงค์พันเต็มเลย (หัวเราะ) คือซองก็ใส่มา แต่ก็มีทำบุญลงในโหลเพิ่มด้วย แล้วไม่มีใครถามถึงของชำร่วยเลยค่ะ
อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความทรงจำ
อาหารเราจัด Sit-down Lunch สำหรับแขกผู้ใหญ่ เสิร์ฟเป็นคอร์ส ส่วนเพื่อนจะมีสเปซให้ ทั้งด้านในกับด้านนอก มีซุ้มสปาเก็ตตี้ต่างๆ นั่งทานกันในสวนได้สบายๆ ไม่ทางการ อาหารที่เขาเตรียมมาและการตกแต่ง สวยงาม proper มาก ดูดี จัดแยกโต๊ะบ่าวสาวครอบครัว กับญาติๆ จากที่เราซาบซึ้งกันเสร็จ เราก็มา Slow down กันในห้องนี้ แล้วค่อยไปยกน้ำชาต่อ หนึ่งวันครบพิธีการทั้งไทย ฝรั่ง จีน เลยค่ะ
บรรยากาศภายในงานวันนั้น เราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความ selective ของแขกที่มามากๆ เราจดจำใบหน้าของทุกคนที่มางานได้ เวลาเราไปงานแต่งที่อื่น บ่าวสาวยุ่งมาก แขกเขาหลักหลายร้อยถึงพัน เขาแทบไม่เห็นเลยว่าเรามา จนกว่าเขามาดู Guest Book การถ่ายรูปหน้า Backdrop 3 นาที ซึ่งมันน้อยไปสำหรับสิ่งที่เราเตรียมมา เพื่ออวยพรใครสักคนที่เรารัก ที่ The Apothecary Venue มันพอดีมากกับจำนวนแขกของเรา เรามีเวลากับแขกของเรามากขึ้น ทุกคนมายินดีกับเราจริงๆ สถานที่คือที่สุด เซฟเราได้เยอะเลย เปแนะนำทุกคนที่จะแต่งงานให้มาที่นี่เลยค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
เช็คลิสต์ว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้าง : พอทุกอย่างครบ เราก็ปล่อยให้คนที่เรามอบหมายงาน เขาดูแลไป ส่วนเราก็ไปดูเรื่องแขก เรื่องชุดแทนค่ะ
อย่าเครียดมาก ให้เป็นตัวของตัวเอง : เอาแบบที่ทำยังไงให้เรากลับไปดูภาพแล้วเราเห็นตัวเองอยู่ในนั้น เห็นคนสำคัญของเรา แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าดอกไม้จะครบสีรึเปล่า มันจะมีกระถางอะไรตกแตกมั้ย สุดท้ายแล้วจุดประสงค์คือให้ทุกคนมาอวยพรให้เรา ถ้าวันนั้นมันเกิดขึ้นได้ เรายืนอยู่ตรงนั้นได้ ญาติเรา เพื่อนเรา ทุกคนอยู่กับเรา นั่นคือบรรลุที่สุดแล้ว เรื่องอื่นใดไม่ต้องไปคิดมากค่ะ
มีช่างภาพหลายทีม ทำให้ได้ภาพหลายมุม : คนที่อยากเก็บความทรงจำในช่วงวันแต่งงานให้ได้มากที่สุด ถ้าจ้างช่างภาพมากกว่า 2 ทีมได้ ก็จะเริ่มดเลยค่ะ อย่างของเปเองเรามีทั้งกล้องหลัก แคนดิด วิดีโอ สนุกมากเลย แต่ที่สำคัญคือเราต้องมีช่างภาพอย่างน้อยหนึ่งคน ที่ตามถ่ายเราตั้งแต่ต้นจนถึงช่วงสุดท้ายของวัน