Cape Dara Resortสถานที่แต่งงานวิวสบาย เหมาะจะถ่ายพรีเวดดิ้ง
ก่อนจะมาถึงวันแต่งงาน ผมใช้เวลาเกือบ 9 วัน ช่วง 4-5 เดือนก่อนหน้านั้นในการผ่าตัดหัวใจครับ เรียกว่าผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเท่าๆ กันมาเลย โชคดีมากๆ ที่มีคุณยุ้ย (เจ้าสาว) และครอบครัวอยู่เคียงข้างกัน จริงๆ ส่วนตัวผมเองก็เป็นช่างภาพอยู่แล้ว ปกติเราก็จะถ่ายรูปเวลาไปเที่ยวกัน แต่ติดที่ว่ามันจะไม่ได้มีชุดเวดดิ้ง ที่นี้พอดูจากโปรโมชั่นที่เราจะจัดงานเย็นที่ Cape Dara Resort (เคป ดารา รีสอร์ท) เขาก็แถมให้ถ่ายพรีเวดดิ้งได้ฟรีวันนึง ก็เลยตกลงโอเคเลยจริงๆ
ทะเล หาดทราย สายลม และสองเรา
สำหรับงานหมั้น เราจัดกันที่ร้าน Love on Sea ของคุณเจ้าสาว ล่วงหน้าก่อนวันฉลองหนึ่งวันครับ โลเคชั่นจะอยู่ที่เกาะล้าน เพราะว่าเจ้าสาวเป็นคนที่นั่นอยู่แล้ว และญาติๆ ก็สะดวกมาทางนั้นมากกว่า งานช่วงนี้ก็จะคุมโทนให้เป็นสีออกฟ้าหน่อย เจ้าบ่าวจะมาในชุดครีม ส่วนเจ้าสาวมาในชุดสีชมพู
ส่วนงานฉลองเราจัดกันที่ Cape Dara ใช้เฉดสีฟ้าเหมือนกัน แต่เข้มขึ้นมาหน่อย แล้วก็เลือกจับคู่กับสีเทา ชุดเพื่อนเจ้าสาวเองก็จะเป็นสีเทาทั้งหมดเลย แบ็คดรอปเป็นโทนฟ้าน้ำเงินจากดอกไม้กระดาษ ออกแบบให้ลิ้งค์กับทะเล พื้นหลังเป็นท้องฟ้าวาดจากสีน้ำ มีนกสีขาวโบยบินอยู่ แต่งรายละเอียดให้ดูน่าสนใจอีกหน่อย ด้วยเฉดสีเงินกลิตเตอร์เป็นแนวโค้ง และที่สำคัญคือไม่ได้เป็นแค่ฉากด้านหลังอย่างเดียว แต่ทำให้มีมิติด้วยการเพิ่มแนวด้านขวาขึ้นมาอีกด้วยครับ
ตอนช่วงเปิดตัว เราบอกให้ทางโรงแรมช่วยตกแต่งทางเข้าให้ เป็นสแตนดอกไม้รายทาง ตรงหน้าเวทีก็จะมีกิ่งไม้แห้งๆ แล้วใส่กลิ่นอายทะเลลงไป ซุ้มเค้กทางโรงแรมก็ตกแต่งให้ครับ แค่บอกโทนสีหลักไปเขาก็ทำให้หมด ส่วนเค้กก็ส่งแบบ แล้วเขาจะดีไซน์ขึ้นมาใหม่ให้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเลยครับ
ย้ายพรีเซนเทชั่นไปไว้ท้ายสุด
พิธีการเราเป็นแบบทั่วไป แต่ที่ไม่เหมือนใครคือพรีเซนเทชั่นนี่แหละครับ ปกติเขาจะเปิดก่อนเดินเข้า แต่ของผมเราใส่เรื่องราวชีวิตเข้าไปในนั้นด้วย แล้วเปิดตอนหลังจบพิธีการ เพื่อดึงให้แขกสนใจดู เนื้อเรื่องในนั้นจะเล่าถึงช่วงที่เกิด Accident ที่ผมต้องผ่าตัดหัวใจ เราขออนุญาตทางโรงพยาบาล แล้วก็ไปถ่ายทำจริงๆ ที่นั่นเลย จะมีทั้งตอนที่เจ้าสาวไปนั่งคุยกับคุณหมอ คุณหมอบอกอาการ และอื่นๆ อีกมากมาย ฟีดแบคคือแขกร้องไห้กัน เป็นอารมณ์ซึ้งที่ดี
ต้องขอขอบคุณทีมเพื่อนๆ ที่มาช่วยทำกันด้วย ได้ความเป็นธรรมชาติจากการที่เพื่อนถ่ายให้เพื่อน เพราะเรากำกับกันเอง ก็ได้อารมณ์ตอนถ่ายทำและตัดต่อไปด้วยเลย
ส่วนช่วงท้ายสุดเรามีเซอร์ไพรส์ให้กันด้วยครับ ผมแต่งเพลงให้คุณเจ้าสาว แล้วก็มีรุ่นน้องที่ทำดนตรีมาช่วยเรียบเรียงให้ แต่คุณเจ้าสาวปกติเขาไม่ร้องเพลงเลย แต่วันนั้นเขาร้องสด ได้ฟีลมาก ผมตกใจมาก (หัวเราะ) เพราะไม่รู้เลยว่าไปซ้อมกันมาตอนไหน แล้วเพลงที่เขาอัดมาซึ่งเป็นเพลงเดียวกัน ก็ไว้ใช้สำหรับตอนที่ตัดเค้กด้วยครับ น่ารักจริงๆ
ในงานเราคุยกันตั้งแต่แรกเลยว่า อยากจะเชิญเฉพาะคนที่สนิทกันจริงๆ ปรากฏว่าวันงานตอนที่เปิดตัวเข้าไปในงาน มองไปซ้ายขวาก็เจอแต่คนที่เราสนิท คนที่เรารักจริงๆ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากเลย คงจะเป็นอะไรที่จดจำไปได้ตลอดชีวิต ไม่ลืมเลยครับ
แนะนำบ่าวสาว
หาเช็คลิสต์ดีๆ : ในอินเตอร์เน็ตมีให้โหลดเยอะเลยครับ สิ่งนี้จะช่วยไม่ให้เราหลุดเรื่องดีเทล ได้รู้ว่าช่วงไหนต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง หลังจากนี้จะต้องทำอะไรต่อ เป็นแบบสเต็ปต่อสเต็ปเลยครับ
บ่าวสาวต้องทำการบ้านเยอะๆ : อย่างเรื่องธีม เราก็เปิดดูในเน็ตเลยว่า แนวที่เราชอบต้องใช้องค์ประกอบแบบไหนยังไงบ้าง ถ้าจะใช้ชุดควรจะต้องเป็นชุดแบบไหน อย่างน้อยถ้ารู้ความต้องการของตัวเองก่อน ก็เหมือนเรามีไอเดียตุนไว้แล้วส่วนหนึ่ง เวลาไปคุยกับทางโรงแรม ทางช่างภาพ ก็จะได้ง่าย แล้วก็ตรงใจเรามากขึ้นด้วย
อย่าดูแต่ราคา ให้เลือกที่ผลงาน : เลือกจากทีมที่เราชอบในผลงานของเขาจริงๆ เพราะรูปพวกนี้จะอยู่กับเราไปตลอด อย่าคิดแค่ว่ามีงบเท่านี้ ไม่อยากลงทุนเยอะ เพราะสุดท้ายเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ครับ เอาแบบที่ดูดี อยู่กับเราไปได้นานๆ ดีกว่า
ยิ้มไว้ก่อน : อย่าไปซีเรียสกับมันมากครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้มีความสุขไว้ก่อน อย่าไปยึดติดกับฤกษ์มาก ให้คิดว่าฤกษ์ดีคือดีทั้งวัน ไม่ใช่แค่ช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น The Show must go on ครับ (หัวเราะ)