
จัดงานแต่งเริ่มตั้งต้นด้วย Wedding Planner
หลังจากพี่ตั๊บ (เจ้าบ่าว) ขอหมิง (เจ้าสาว) แต่งงาน เราก็หา Wedding Planner ก่อนเลยค่ะ ดูตามโซเชียล สุดท้ายก็เลือกทีม Cheers Couple เพราะรู้สึกว่าเขาใส่ใจลูกค้า หมิงติดต่อไป พี่บีเจ้าของก็รีบตอบกลับมาด้วยข้อมูลรายละเอียดที่ค่อนข้างครบโดยที่หมิงไม่ต้องถาม ไม่ต้องตาม พิมพ์ถามไป เขาตอบกลับเร็วตลอด และถามเสมอว่าสะดวกกี่โมง เพื่อจะรีบโทรมาอธิบายรายละเอียดค่ะ






Hotel Nikko Bangkok สถานที่แต่งงานเดินทางสะดวก ใกล้ BTS ทองหล่อ
ตอนเริ่มเตรียมงาน เราไม่มีข้อมูลอะไรชัดเจน พี่บีจะคอยบอกว่าเราต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อให้เขาสามารถช่วยวางแผนและแนะนำได้ อย่างเรื่องสถานที่ พอได้คุยกับผู้ใหญ่ ก็รู้สึกว่า Priority ของครอบครัวสำคัญมาก ต้องการจัดงานที่สะดวกกับผู้ใหญ่ด้วย จำนวนแขกก็เพิ่ม จากตั้งใจจะแต่งที่ Neilson Hays Library ก็ไม่ได้แล้ว ทำให้ไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี พี่บีก็ช่วยลิสต์สถานที่มาให้ค่ะ
สุดท้ายเราเลือกจัดงานแต่งงานที่ Hotel Nikko Bangkok (โรงแรม นิกโก้ กรุงเทพฯ) เพราะอยู่ใกล้บ้าน ตรง BTS ทองหล่อ รู้สึกว่าการเดินทางสะดวกดี ตอนเข้าไปคุย พนักงานน่ารัก พูดจาดี มีเสนอราคาโปรโมชั่นต่างๆ ให้ ห้องก็สวย และยังรองรับแขก 300 คนของเราได้ด้วยค่ะ



ดีไซน์งานแต่งจากตัวตนบ่าวสาวเป็นงานผักผลไม้สุดไวรัล
พอจัดงานเล็กๆ เรียบง่ายแบบที่คิดไว้ไม่ได้ เราก็ไม่มีภาพงานแต่งที่ชัดเจน ไม่มีไอเดียไปต่อเลย ก็ได้พี่บีช่วยไกด์ค่ะ เขาดึง Character ของหมิงกับพี่ตั๊บออกมา เสนอคอนเซ็ปต์ที่เป็นตัวของบ่าวสาวจริงๆ ค่ะ




ส่วนของการตกแต่ง พี่ตั๊บเป็นสายศิลปะ ชอบวาดภาพ หมิงเป็นคนที่รักการอ่านหนังสือมาก พี่บีจึงเสนอคอนเซ็ปต์หลักเป็น แคนวาส สีน้ำ หนังสือ ค่ะ
ดึงความเป็นแคนวาสพื้นเรียบสีขาวมาใช้ จัดรูปทรงของดอกไม้ให้เป็นดรอปสีต่างๆ ดูเป็นจินตนาการ ไม่ใช่จัดรูปทรงแบบการปักดอกไม้ปกติ โดยใช้หลากหลายสีสันจากตัวตนของพี่ตั๊บและใส่ตัวตนของหมิงไปในเชปของ Backdrop หน้างานและฉากเวที ดีไซน์เป็นหนังสือที่เปิดอยู่ ส่วนบริเวณโถงก็จะทำให้มีความเป็น Art Gallery ในตัวค่ะ



หมิงเคยเห็นคอนเทนต์งานแต่งที่เป็นสายรักโลก ก็เก็บไอเดียนี้ไว้ พอถึงงานตัวเองจึงตั้งใจว่าจะลด Waste ลดการทิ้งขยะให้ได้มากที่สุด เลยปรึกษาพี่บี ซึ่งพี่บีก็เสนอเป็นการใช้ผักผลไม้มาตกแต่งแทรกไปในดีเทลต่างๆ โดยแขกสามารถนำผักผลไม้กลับได้ด้วยค่ะ
ไอเดียนี้เหมือนจะทำง่ายนะคะ หากความเป็นจริง คนไทยชอบเกรงใจ หมิงเคยไปงานแต่งเจอแขกพูดว่าอยากได้ดอกไม้แต่เกรงใจเจ้าของงาน แล้วเจอแบบนี้บ่อย ไม่กล้าหยิบแม้เจ้าของงานจะอนุญาต เราจะแพ็กให้ก็มีค่าใช้จ่ายเรื่องแพ็กเกจจิ้ง ค่าคนแพ็กของ แถมถ้าแพ็กของที่ไม่ชอบไปให้เขาก็ทิ้งอยู่ดี แต่พี่บีเขาคิดเป็นไซเคิลมาให้เลยค่ะว่าต้องทำยังไงต่อบ้างเพื่อให้ทำได้จริง


พี่บีเสนอให้เลือกของชำร่วยเป็นถุงผ้า เพื่อให้แขกได้ใช้ใส่ผักผลไม้กลับ โดยจะให้ทีมงานเก็บผักผลไม้มาวางไว้ที่โต๊ะลงทะเบียนรอแขกเดินออกมาตอนงานจบ ไม่ต้องให้แขกไปก้มหยิบเองจนกลายเป็นภาพที่ไม่สวยงาม ไม่สะดวก และอาจทำให้การตกแต่งเสียหาย
แล้วให้พิธีกรประกาศว่าสามารถเลือกนำกลับได้ เป็นการแพลนงานตั้งแต่ต้น ประสานทุกฝ่าย คิดถึงจุดวางที่สะดวกต่อแขก รู้สึกว่าเป็นอีกข้อดีที่ให้แพลนเนอร์ดูแลทั้งรันคิวและตกแต่งเลยค่ะ ดูคลิปสุดไวรัลคลิกที่นี่




จัดงานแต่งงานแบบที่คำนึงถึงผู้ใหญ่และแขกเป็นหลัก
งานแต่งของเราเป็นงานสมรสพระราชทาน มีพิธีการที่ผู้ใหญ่รีเควสมาด้วย จึงเน้นที่ผู้ใหญ่เป็นหลัก แต่โดยรวมก็เหมือนงานปกติทั่วไปค่ะ หลังถ่ายรูปหน้า Backdrop ก็จะเปิดตัวบ่าวสาวเข้างาน มีช่วงสัมภาษณ์และให้ผู้ใหญ่มาอวยพร โดยมีพิธีที่เพิ่มเข้ามาคือการกล่าวถวายพระพรและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีค่ะ
เราเปลี่ยนการตัดเค้กมารินแชมเปญแทน เพราะเค้กเป็นโฟม เรารู้ว่าไม่สามารถทำ Sustainable ได้ 100% แต่อะไรที่พอจะทำได้เราก็ทำค่ะ แล้วก็จบงานด้วยการโยนดอกไม้ เป็นงานที่จบเร็วมากค่ะ (หัวเราะ) หลังจากนี้คุณพ่อของพี่ตั๊บก็ได้มาร้องเพลงโชว์ ขอบคุณแขกค่ะ



หลังจบงานได้ Feedback กลับมา ทุกคนโอเคกับงานผักผลไม้มากแบบที่เราไม่คาดคิดว่าจะชอบกันขนาดนี้ อีกส่วนก็คือไวน์จาก South Africa และ Chile ไวน์รสชาติดีจาก 2 ประเทศที่คุณพ่อคุณแม่พี่ตั๊บเคยไปประจำตำแหน่งตอนทำงานอยู่กระทรวงการต่างประเทศค่ะ ท่านอยากให้แขกได้ดื่มจึงนำเข้ามา ซึ่งแขกชอบกันมากจนเหมือนเป็น Signature ของงานด้วยเลยค่ะ (หัวเราะ)



การจัดงานแต่งงานทำให้เราเปลี่ยน Mindset หลายอย่าง จากเดิมคิดว่าเป็นเรื่องที่บ่าวสาวอยากได้แบบไหน กลายเป็นต้องคำนึงถึงผู้ใหญ่และครอบครัวมากขึ้น ได้เห็นคนหลาย Generation ได้เห็นมุมมองของคนที่อยากมาแสดงความยินดี เราก็เลยมาหาวิธีที่จะอำนวยความสะดวกให้เขาได้มากขึ้น
อย่างเรื่องอาหารที่เดิมเลือกบุฟเฟ่ต์ เพราะคิดว่าแขกเลือกทานได้และอิ่มท้อง แต่โต๊ะจัดเป็นแบบสตูยืนทาน เราไม่คิดว่าติดอะไร เพราะผู้ใหญ่ก็มีโต๊ะนั่ง มีเจ้าหน้าที่บริการ แต่คุณแม่พี่ตั๊บท่านเสนอว่าถ้าเป็น Finger Food จะดีกับแขกที่ต้องยืนมากกว่า เรากลับมาคิดถึงความสะดวกเลยปรับเป็นค็อกเทลแทน หรือที่เราคิดว่าแขกจะไม่กล้าหยิบของในงานกลับก็เหมือนกัน วันงานพอเราอนุญาต กลายเป็นทุกคนแฮปปี้ หลังจบงานมีคนทำอาหารจากผักผลไม้ที่ได้ไปแล้วถ่ายรูปกลับมาให้ดูด้วยค่ะ ถือเป็นเรื่องราวดีๆ (หัวเราะ)



ทุกอย่างในงานแต่งของเรามี Value ใช้ได้จริง ตอบโจทย์ ซัพพอร์ตแขกได้ ไม่ใช่เป็นแค่คอนเทนต์ ถ่ายรูปสวยๆ แล้วจบ แบบที่เราตั้งใจไว้ เราเลยมีความสุขมากค่ะ ประทับใจในทุกๆ อย่างเลย รวมถึงประทับใจ Cheers Couple ด้วย พอได้ร่วมงานกัน เขาทำได้ดี เราอยากได้อะไร เขาก็จะไปทำการบ้านมาให้ คิดเผื่อทุกอย่างเลยค่ะ


แนะนำบ่าวสาว
Mapping ที่นั่งแขกสำคัญมาก : ปกติเวลาจัดงานที่มีการตั้งโต๊ะ จะมีป้ายแจ้งว่าโต๊ะของใคร แต่บางครั้งแขกก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองสามารถนั่งได้ไหม การฟิกซ์เก้าอี้เขียนชื่อไปเลยจะทำให้เห็นชัดว่าโต๊ะนี้มีกี่ท่าน ใครนั่งได้บ้าง แขกจะได้รู้ว่าตัวเองต้องนั่งตรงไหน และยังช่วยให้เรารู้ด้วยว่าต้องการันตีกี่โต๊ะ ต้องมีโต๊ะสำรองอีกกี่โต๊ะค่ะ
Photographer : Ananimage