สถานที่แต่งงานสวยหรูแต่ดูสบาย สไตล์คลาสิก @The Okura Prestige Bangkok
งานฉลองของเปิ้ลจัดขึ้นที่โรงแรม The Okura Prestige Bangkok (ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ) ตรงถนนวิทยุค่ะ ที่เลือกสถานที่แต่งงานนี้ เพราะว่าเป็นโรงแรมที่ใหม่ แล้วก็สวยด้วย แขกของเราไม่ได้เยอะมาก ประมาณ 300 คน ห้องจัดเลี้ยงของเขาก็รองรับได้พอดีกัน ที่สำคัญคือเพดานสูง ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง สบาย
แขกของเราเป็นแขกผู้ใหญ่กับวัยรุ่นอย่างละครึ่งๆ เราเลยเลือกจัดเลี้ยงเป็นแบบค็อกเทล แล้วเพิ่มซุ้มเข้าไปอีก 7 ซุ้มเลย มีหลากหลายสไตล์คละแนวกันไป ทั้งอาหารญี่ปุ่น สปาเก็ตตี้ กระเพาะปลา แขกทุกวัยจะได้อิ่มอร่อยและเอนจอย แถมเหลือเฟือขนาดที่ตอนแรกเรากะไว้ว่าจะมากัน 280 คน แต่เอาเข้าจริงมาถึง 300 ก็ยังเพียงพอ
ด้วยความที่ตอนจัดงานบ่าวสาวเรายุ่งเรื่องงานกันมาก ก็เลยไม่ได้มีธีมอะไรที่แน่ชัด แต่เน้นการตกแต่งโดยใช้ดอกไม้เป็นหลัก ให้ดูคลาสิกอลังการ อีกกี่ปีกลับมาดูอีกทีก็ยังสวย แล้วเน้นโทนสีธรรมชาติ ขาวเขียวดูสะอาดตา มีสีชมพูแซมๆ ให้เข้ากับชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เป็นโทนเดียวกัน
ส่วนการ์ดที่เราเลือกมา เราพิถีพิถันกันมาก เป็นแบบฉลุลายดอกไม้ เราให้ความสำคัญกับส่วนนี้เพราะถือว่าเป็นหน้าตาของงาน แขกที่จะมาตอนแรกเขาอาจจะยังไม่รู้ว่างานของเราเป็นยังไง แต่เขาจะสามารถสัมผัสได้จากการ์ดก่อนเป็นอย่างแรกเลย
ดีไซน์งานออกมาให้น่าประทับใจที่สุด
สำหรับการจัดโฟลว์ของงาน เนื่องจากห้องจัดเลี้ยงที่ The Okura Prestige Bangkokจะสามารถเข้าได้จากสองทางค่ะ ถ้าแขกมาจากทางบันไดเลื่อนก็จะเห็นส่วนตกแต่งที่เป็นต้นไม้สีขาว มีทั้งหมด 3 คู่ 6 ต้น วางขนาบข้างซ้ายขวาอยู่ตรงเสา โดยมีโต๊ะรีเซปชั่นตั้งไว้ด้านหน้าทางเข้า มีให้เซ็นอวยพร และมอบของชำร่วยซึ่งเป็นพวงกุญแจเครื่องหนังให้ บนนั้นก็จะมีการสลักชื่อบ่าวสาวลงไปด้วย
สำหรับแขกที่มาทางลิฟท์ก็จะเห็นแบ็คดรอปของเราก่อน ซึ่งจุดนี้คุณเจ้าบ่าวก็อยากได้แบ็คดรอปที่ดูสวย และสูงใหญ่ เน้นดอกคัตเตอร์สีขาวเขียวเยอะๆ แล้วแซมคริสตัลลงไปให้ดูสวยงาม
สำหรับมุมแกลอรี่ เรานำภาพพรีเวดดิ้งมาทำในสไตล์ Collage เน้นให้มีขนาดใหญ่ไว้ก่อนเหมือนกันค่ะ ทีมตกแต่งก็ช่วยกะไซส์ให้ ให้ออกมาดูพอดีและเข้ากันกับภาพโดยรวม
อุโมงค์ดอกไม้ ได้ฟีลเหมือนอยู่ในป่า
ส่วนไฮไลท์ของงานเราจะอยู่ที่อุโมงค์ดอกไม้สีขาว ไล่สีจากเฉดเขียวเข้มขึ้นไปอ่อน คลุมจรดเพดานด้านบน ไม่มีให้เห็นผนังส่วนอื่นๆ เลย แล้วเราก็เน้นให้มีวางดอกคัตเตอร์เข้าไปเพิ่ม จะได้ดูอลังการ เหมือนเป็นป่าจริงๆ ซึ่งฟีดแบคก็ออกมาดี เป็นมุมที่แขกประทับใจ และไปถ่ายรูปกันเยอะเลย
ชุดเจ้าสาวของเปิ้ล จริงๆ ตอนแรกเราอยากได้ไม่ฟู เรียบๆ เพราะอยากโชว์หุ่นด้วย แต่ด้วยความที่ช่วงนั้นเปิ้ลผอมมาก ดีไซเนอร์ร้านชุดเลยแนะให้ใส่พองๆ ฟูๆ เพื่อเสริมหุ่นให้ออกมาดูสง่างาม สุดท้ายเลยมาจบที่ชุดที่เห็นเลย
ข้างในตรงเวทีเราตกแต่งด้วยดอกไม้เหมือนกันค่ะ มุมตัดเค้กก็เป็นซุ้มดอกไม้ เรียกว่าเน้นดอกไม้เยอะมาก
ตอนเปิดตัวเราได้ทีมรันคิวช่วยดูแลให้ โดยสเต็ปแรกเจ้าสาวจะเดินเข้าไปในงานก่อน แล้วเจ้าบ่าวจะเดินลงมาจากเวทีเพื่อมอบดอกไม้ มีเพื่อนๆ ช่วยถือเทียบขนาบให้ แล้วหลังจากนั้นถึงขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน
ถัดจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงพิธีการตามปกติ มีประธานให้เกียรติมาคล้องพวงมาลัย กล่าวอวยพร สัมภาษณ์กันเล็กน้อย รินแชมเปญ แล้วก็ตัดเค้ก ดื่มเลิฟช็อต มอบเค้กให้ผู้ใหญ่ แล้วก็ตบท้ายด้วยการโยนดอกไม้ค่ะ
ปาร์ตี้ที่สายแข็งปลื้มสุดๆ
ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้เราใช้ดนตรีสดสลับกับการเปิดแผ่น แอลกอฮอล์มีทั้งไวน์และเหล้า ซึ่งตอนหลังไวน์หมด เลยกลายเป็นเหล้าเพียวๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) งานนี้ลากยาวกันจนถึงตีสอง เพื่อนเจ้าบ่าวเราสายแข็ง บางส่วนอยู่จนจบงานแล้วไปต่อที่ห้องนอนด้านบนด้วย
ความประทับใจในงานนี้ของเปิ้ล เปิ้ลรู้สึกว่ามันเป็นการจัดงานที่กำลังพอเหมาะพอดีเลยค่ะ ดูอบอุ่น ไม่ได้ใหญ่เกินไป ไม่ได้เล็กเกินไป ทุกอย่างลงตัว ทั้งแบ็คดรอป การตกแต่งงาน สถานที่ รวมไปถึงแขกที่มา เป็นอีกหนึ่งวันแห่งความทรงจำที่แฮปปี้มากๆ เลย
แนะนำบ่าวสาว
แบ่งงานกันทำ : ใครถนัดอย่างไหนก็ให้แบ่งกันไปทำอย่างนั้นค่ะ อย่างของเปิ้ล เจ้าบ่าวจะดูเรื่องงบประมาณกับอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แสงสีเสียงไฟ ส่วนของเจ้าสาวจะเป็นการ์ด แบ็คดรอป ช่างภาพ ช่างวิดีโอและอื่นๆ แต่หลักสำคัญเลยคือ เราต้องรับฟังและเชื่อในการตัดสินใจของคนที่รับผิดชอบงานส่วนนั้นด้วยจริงๆ เพื่อให้งานเสร็จไว ไม่ยืดเยื้อ และไม่ผิดใจกัน
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
ช่างภาพ วิดีโอ:
Jigcho Photographyสถานที่แต่งงาน:
The Okura Prestige Bangkok