อบอุ่น ดูสบาย ใจกลางธรรมชาติ @Greta Farm & Greta Sport Club
ความตั้งใจแรกของทิพคือเราอยากจัดงานในสถานที่ของครอบครัวค่ะ อยากเนรมิตสิ่งที่มี ให้คนอื่นเห็นว่าเรามีสถานที่แต่งงานที่สวยงามอยู่แล้ว ดังนั้นจึงลงตัวที่ Greta Farm & Greta Sport Club (เกรต้า ฟาร์ม แอนด์ เกรต้า สปอร์ต คลับ)
จำนวนแขกครั้งนี้คือ 350 คน ซึ่งถือว่าฟิตพอดี แขกทุกคนที่เราเชิญมา เราเลือกด้วยความตั้งใจ เพราะคอนเซ็ปต์ของเราคืองานเล็กๆ อบอุ่น ที่บ่าวสาวรู้จักทุกคนในงานจริงๆ
จุดเด่นของ Greta Farm คือโครงสร้างสถาปัตยกรรมรูปบ้าน ซึ่งอิงกับธีมของเรา นั่นคือความชอบในธรรมชาติของคุณเจ้าบ่าว พอทุกอย่างมารวมกันมันก็เข้ากันดีไปหมด เรามีคีย์หลักในงานคือ Elegant Garden ซึ่งเป็นการผสมผสานความเป็นธรรมชาติ ควบคู่ไว้ด้วยกันกับความเรียบหรู แต่ดูเก๋มีสไตล์ค่ะ
ผสมผสานเรื่องราวให้ออกมาเป็นธีมงาน
ทุกสิ่งที่เราดึงมาใช้จะมีเรื่องราวแฝงอยู่ อย่างการรวมสีเขียวที่เจ้าบ่าวชอบ เข้ากับพื้นเพของทิพที่เป็นเด็กทะเล และอยากได้สีฟ้า จนได้ออกมาเป็นสีของงานอย่างธีมสี Dusty Blue หรือแม้กระทั่งการดีไซน์ส่วนตกแต่งในงาน ที่เราอยากให้แขกรู้สึกเหมือนเขาได้มาร่วมแสดงความยินดี ในงานของคนที่เป็นญาติ เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
ตรงรีเซปชั่นเราตกแต่งให้ดูน่ารักและเข้ากับธรรมชาติ มีของชำร่วยเป็นดินสอไม้ ที่มีพู่ดอกไม้เล็กๆ ติดอยู่ ดูเรียบง่ายแต่มีกิมมิค สื่อถึงเจ้าบ่าวที่เป็นคนชอบเขียนชอบอ่าน
สมุดเซ็นอวยพรเราก็เลือกใช้กระดาษคราฟท์ ให้เขียนด้วยดินสอสี ซึ่งตรงนี้แขกสามารถวาดรูปหรืออวยพรเราในรูปแบบไหนก็ได้ เพราะงานนี้ทุกอย่างไม่มีแพทเทิร์น เราเปิดกว้างสบายๆ ให้ได้บรรยากาศเป็นกันเองที่สุด
มิติใหม่ของงานแต่งงานที่ไม่ต้องเหมือนใคร
ถัดเข้าไปอีกหน่อยจะเป็นมุมถ่ายรูป ที่โจทย์ของเราคืออยากได้แบ็คดรอปที่ไม่เหมือนแบ็คดรอป (หัวเราะ) และอยากให้อิงกับสถานที่ ได้ฟีลเหมือนเรากลับมาแต่งงานที่บ้าน ดังนั้นตรงจุดนี้ก็เลยจะเป็นโครงไม้รูปทรงบ้านค่ะ
อีกมุมคือโฟโต้แกลอรี่ ที่เราไม่อยากล็อกแขกว่าต้องมาดูรูปเราเท่านั้นด้วย ทิพอยากให้องค์ประกอบในงานดูมีความสวยงาม มีศิลปะ ทีมตกแต่งเลยประดับสะดึงเป็นหลัก เหมาะกับเราที่ชอบงานฝีมือ ประดิษฐ์ประดอย บนนั้นก็จะเป็นภาพบ่าวสาว ครอบครัว เพื่อนสนิทของเรา เหมือนกับภาพที่อยู่ในบ้านของคนจริงๆ
และเนื่องจากช่วงที่ทิพจัดงานยังอยู่ในช่วงไว้อาลัย ดังนั้นเราเลยมีรูปในหลวง เพื่อให้แขกที่มางานสัมผัสได้ว่าเราทุกคนยังระลึกถึงพระองค์ท่านเสมอ โชคดีที่ทางทีมจัดหามาให้เป็นลายเส้นที่สวยงามมาก เหมาะกับภาพรวมงานสุดๆ ค่ะ
เรียบง่าย ทำให้แขกเข้าใจได้สะดวก
สำหรับการตกแต่งด้านในเรายังคงเน้นความเรียบง่าย สองด้านซ้ายขวาเป็น Long Table มีช่อใบไม้วางพาดบนโต๊ะ ยาวระย้าลงมาจนถึงด้านล่าง ส่วนด้านหน้าตรงกลางจะเป็นที่นั่ง ด้านบนมีไฟหิ่งห้อยโยงเต็มเพดาน ให้ความรู้สึกนวลๆ กำลังดี
และเนื่องจากเราเลือกจัดเลี้ยงในลักษณะนี้ ช่วงก่อนเข้างานจึงมีป้ายบอกตำแหน่งที่นั่งด้วย แบ่งกลุ่มไว้สำหรับครอบครัว เพื่อนสนิท และญาติ ทุกคนจะได้หาที่ตัวเองได้ง่าย ส่วนอาหารก็เป็นบุฟเฟ่ต์ Thai/Western บาร์บีคิว ซึ่งถ้าเป็นโต๊ะ VIP ญาติผู้ใหญ่ก็จะมีคนดูแลเป็นพิเศษ แล้วเรายังมีโต๊ะด้านนอกสำหรับคนที่ไม่อยากเดินเข้าออกไปมา เหมาะจะทานกันที่ด้านนอกได้เลย
การจัดงานของทิพ ทิพคุยกับเจ้าบ่าวไว้ว่าเราอยากให้งานแต่งเป็นในแบบที่เราอยากให้เป็นมากที่สุด ดังนั้นมันจะไม่มีพิธีการอะไรมาก ไม่มีพิธีกรมาบอกว่างานจะเริ่มแล้วนะ เพราะแค่ดับไฟ ขึ้นพรีเซนเทชั่น ทุกคนก็จะรู้กันเองได้เลยทันทีว่าเราจะเริ่มกันแล้ว
ตอนเปิดตัวเราได้เพื่อนสนิทขึ้นมาร้องเพลงให้ด้วย แล้วทิพก็จะเดินควงแขนคุณพ่อเข้ามา มีเจ้าบ่าวมารอรับตรงด้านหน้า เราสองคนถือดอกไม้คนละช่อ
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความรักและความยินดี
พอขึ้นมาบนเวทีเราก็จะกล่าวขอบคุณแขก พูดถึงครอบครัว เพื่อนๆ ของเรา ที่เขามีส่วนให้เราสองคนได้มารู้จัก ได้มารักกัน แล้วหลังจากนั้นก็ตัดเค้ก
ต่อด้วยเซอร์ไพรส์จากคุณเจ้าบ่าวนิดหน่อย เป็นช็อตตอนเอาเค้กไปให้ครอบครัว ก็มีเตี๊ยมกับคุณแม่ไว้ให้กอดทิพนานนิดนึง ทิพเลยไม่รู้ว่าด้านหลังมีอะไร (หัวเราะ) เป็นโมเม้นท์ซึ้งๆ เพราะมีการแอบถ่ายวิดีโอคุณย่ามาให้ดูด้วย ท่านอายุมากแล้วเลยเดินทางมาไม่ไหว งานนี้เลยเหมือนได้มีท่านมาอยู่ร่วมงานด้วย แถมเพลงที่ร้องก็เป็นเพลงที่คุณเจ้าบ่าวบอกว่า ได้ยินปุ๊บก็คิดไว้เลยว่าจะต้องร้องให้เราในวันแต่งงานให้ได้ค่ะ
ท้ายสุดเราจบงานด้วยการโยนดอกไม้ แล้วจับฉลากชื่อเพื่อนขึ้นมาฝั่งละ 3 คน ให้พูดถึงเรา วิธีนี้ทำให้แขกรู้สึกมีส่วนร่วมกับเราจริงๆ
งานนี้ทิพประทับใจมาก เพราะทุกอย่างออกมาตรงกับที่เราอยากได้ เราได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปจริงๆ และแขกทุกคนก็น่ารักมากๆ เลย มีบางทีที่เราอาจจะดูแลเขาได้ไม่ทั่วถึง เพราะแขกมาเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ จนเพื่อนบางคนต้องยืนให้ แต่ทุกคนก็ยินดี และอินไปกับเรา ทุกคนเข้าใจว่าเราทำเต็มที่ จนเรารู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่ไม่ได้จัดงานแต่งงานขึ้นมาเพียงเพื่อแค่ให้มันผ่านพ้นไป แต่เราเชิญทุกคนที่เรารักมาอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อขอบคุณที่ทุกคนทำให้เรามีวันนี้จริงๆ
แนะนำบ่าวสาว
ถามตัวเองก่อนว่าอยากได้งานแต่งงานแบบไหน : ลองลิสต์ออกมาก่อนเลยค่ะ ว่าเราอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในงานแต่งงานของเราบ้าง เราชอบไม่ชอบอะไร มีสิ่งไหนที่อยากได้ อยากให้ใครมาร่วมงาน แล้วนำเอาความชอบของบ่าวสาวมาผสมกันให้ออกมาตรงกลาง กลายเป็นธีมงาน อย่างของทิพ เรารักต้นไม้ รักครอบครัว เราก็ดีไซน์งานให้ออกมาอบอุ่น เข้าถึงง่าย เป็นกันเอง
แบ่งหน้าที่กัน : เจ้าสาวอาจจะดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ความสวยงาม เจ้าบ่าวเป็นฝ่ายโปรดักชั่น เพลง แบ่งสรรปันส่วนกันให้ชัดเจน