รีวิวงานแต่งสวยดูดี ด้วยคู่สี Old Rose และ Navy Blue @ JW Marriott Hotel Bangkok

JW Marriott Hotel Bangkok สถานที่แต่งงานใกล้รถไฟฟ้า ใจกลางเมือง

       ตอนหาสถานที่จัดงานแต่งงาน ดุ๋มกับอาร์ม(เจ้าบ่าว) มีโจทย์ว่าอยากได้ที่อยู่ในเมือง แต่ต้องเดินทางสะดวก ญาติที่อยู่แถวจตุจักรมาง่าย ห้องจัดงานสวยและมีบรรยากาศสวน พอมาดูที่ JW Marriott Hotel Bangkok (เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ) ที่อยู่ระหว่าง BTS นานา กับ BTS เพลินจิต ก็รู้สึกว่าสะดวกดี 

       แล้วตัวสถานที่ก็สวย มีห้องหมั้นที่ติดกับสวน บริเวณห้องบอลรูมก็มีการจัดเป็นสัดส่วน รองรับแขกได้เยอะ ที่จอดรถมีเพียงพอ แถมยังมีการให้บ่าวสาวและคุณพ่อคุณแม่ไปดินเนอร์เพื่อลองเทสคุณภาพและรสชาติอาหารด้วย ที่สำคัญคือวันที่ไปดูสถานที่จริงเราได้เจอพนักงานที่น่ารักมาก พาเดินชมห้องต่างๆ ดูแลใส่ใจดี จึงตัดสินใจเลือกแต่งงานที่นี่เลยค่ะ

พิธีเช้าเรียบง่าย เต็มไปด้วยกลิ่นอายความอบอุ่น  

       งานของเราเป็นแบบเช้าเลี้ยงเย็น โดยจะจัดงานแต่ละช่วงแยกห้องกันค่ะ ช่วงเช้าเราจัดที่ห้องหมั้นชั้น 16 ห้องนี้มีการตกแต่งและใช้โทนสีที่ทำให้ดูสวย เรียบหรู แล้วที่เราชอบมากๆ คือข้างห้องมีสวนเล็กๆ ด้วย บรรยากาศดีเลยค่ะ 

       แล้วด้วยความที่สถานที่มีความสวยในตัว เราจึงไม่ตกแต่งอะไรมาก เพียงแค่ตั้งธีมสีเป็น Old Rose กับ Navy Blue โดยจะเน้นไปทางสี Old Rose มากกว่า แล้วให้โรงแรมช่วยจัดการให้หมดเลยค่ะ ซึ่งด้วยผนังห้องตรงเวทีด้านหน้าเป็นกระจกสวยอยู่แล้ว จึงเพียงแค่นำโลโก้ชื่อบ่าวสาวติดเข้าไป ตั้งแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ 2 ข้างเท่านั้น ส่วนที่นั่งแขกก็จะจัดเป็นแบบเธียเตอร์ค่ะ

       งานของเราค่อนข้างวัยรุ่น ไม่มีพิธีการเยอะ เริ่มสายประมาณ 09.00 น. คือเน้นฤกษ์สะดวกเลยค่ะ(หัวเราะ) โดยจะเริ่มที่การเจรจาสู่ขอและเจ้าบ่าวไปรับตัวเจ้าสาวที่สวนเลย ไม่มีพิธีสงฆ์ ไม่มีแห่ขันหมาก แล้วพอกลับมาในห้องก็จะมีแค่พิธีสู่ขอสวมแหวน ยกน้ำชาและรดน้ำสังข์เท่านั้น ต่อจากนี้ก็ให้แขกไปพักทานอาหารกลางวันที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้ก็เป็นอันจบงานตอนเช้าแล้วค่ะ

งานเย็นสวยดูดีด้วยการเน้นสี Navy Blue

       งานตอนเย็นเราจะย้ายมาใช้ห้องบอลรูม ซึ่งข้อดีของบริเวณนี้คือมีการแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ตั้งแต่โถงกลางสูงด้านหน้า ทางเดินกว้างที่อยู่ระหว่างห้องบอลรูมด้านซ้ายและห้องเล็กย่อยด้านขวา ซึ่งตรงห้องย่อยเราก็ใช้เป็นห้องจัด After Party 1 ห้อง และทางโรงแรมก็ให้อีก 2 ห้องสำหรับเป็นห้องแต่งตัวเพื่อนเจ้าบ่าวกับห้องแต่งตัวเพื่อนเจ้าสาว คือเหมือนเป็นอาณาเขตของงานเราเลยค่ะ สะดวกมาก

       เรื่องการตกแต่ง จัดสถานที่ ช่วงนี้เราจะใช้สี Navy Blue มากกว่างานตอนเช้า และเน้นความเรียบง่าย โดยตรงส่วนของโถงกลางเราจะมีแค่ Backdrop ขนาดใหญ่ที่ใช้ฉากเป็นสีน้ำเงิน Navy Blue มีโลโก้ชื่อ และประดับด้วยดอกไม้กับกระจกเงาค่ะ 

       ส่วนตรงโถงทางเดิน พอเข้ามาจะเจอโต๊ะลงทะเบียน ซึ่งตรงนี้ทางโรงแรมช่วยจัดให้หมดเลย ทั้งการตกแต่ง สมุดเขียนอวยพรและกล่องใส่ซอง ถัดจากนั้นก็จะเป็น Photo Booth ที่เรานำเข้ามาให้แขกเล่น ใกล้ๆ กันก็จะเป็นโซนแกลอรี่ ซึ่งเราทำเป็นโครงสร้างเหล็กประดับดอกไม้ตั้งรูปแค่ 4 รูปเท่านั้นค่ะ

       สำหรับในห้องบอลรูม ด้วยความที่งานเราเน้น After Party จึงรู้สึกว่าใช้ห้องนี้แค่แป๊บเดียวก็เลยไม่ตกแต่งอะไรมาก ให้ทางโรงแรมเป็นฝ่ายจัดการทั้งหมด ซึ่งก็ตกแต่งออกมาสวยเข้าธีมเลยค่ะ ตรงเวทีฉากหลังเป็นผ้าที่มีความกลิตเตอร์วิ้งๆ ประดับดอกไม้ที่พื้นและมีแจกันดอกไม้คู่ตั้งไว้ ตรงเค้กก็ใช้ดอกไม้ตามธีมสีมาประดับฐานสวยงาม 

       ส่วนห้อง After Party ก็มีการจัดโต๊ะสตู เวที ปลั๊กไฟให้พร้อมใช้เลย แล้วจริงๆ โรงแรมก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบนะคะ ไม่ว่าจะไฟ เครื่องเสียง ไฟฟอลโล่ บับเบิ้ล แต่ด้วยเราอยากจัดเต็มก็เลยเพิ่มเครื่องเสียงและจ้างดีเจมาเพิ่มอีก 4 คนเลยค่ะ(หัวเราะ)

พิธีการไม่เน้น แต่จัดเต็ม After Party

       งานตอนเย็น เนื่องจากจัดเลี้ยงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ช่วงรอเปิดตัวบ่าวสาว เราก็เริ่มเสิร์ฟอาหารให้แขกทานแล้วค่ะ ซึ่งตรงนี้แอบขอชมโรงแรมนิดนึง คือให้อาหารเยอะมากและคอยเติมตลอด อาหารไม่มีพร่อง แขกไม่รู้สึกขาดตอนเลย ที่สำคัญเมนูมีเยอะและหลากหลายมาก ตรงนี้แอบตกใจตั้งแต่วันที่ไปเลือกเมนูแล้วค่ะ นับคร่าวๆ แค่เฉพาะในแพ็กเกจที่เราเลือกก็เกือบ 50 เมนูได้  

       แล้วเมื่อถึงเวลาก็จะมีการเปิด Presentation ให้แขกดู จากนั้นคุณพ่อของดุ๋มก็จะมาส่งดุ๋มให้อาร์มที่หน้าประตู เพื่อให้เราเดินเข้าไปในงานด้วยกันผ่านเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่มาเรียงแถวยิงเปเปอร์ชูท พอขึ้นเวทีแล้วพิธีการก็จะเริ่มที่แนะนำตัวบ่าวสาวและเชิญพ่อแม่มาอวยพร แล้วก็มีตอบคำถามนิดๆหน่อยๆ พอกุ๊กกิ๊ก แล้วถึงจะเป็นช่วงตัดเค้กค่ะ ซึ่งพอตัดเค้กแล้วเราจะมีกลับมาตอบคำถามอีกนิดหน่อย ถ่ายรูป และกล่าวขอบคุณแขก เป็นพิธีเรียบง่าย ไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็จบแล้วค่ะ

       หลังจากนี้บ่าวสาวก็จะไปเปลี่ยนชุดแล้วเริ่ม After Party ยิงยาวเลย ซึ่งช่วงนี้นอกจากมีการโยนดอกไม้แล้ว ที่พิเศษขึ้นมาอีกนิดคือมีการ Happy Birthday เจ้าบ่าวด้วยค่ะ จริงๆ ตอนแรกจะไม่ได้มีช่วงนี้ แต่ด้วยความใส่ใจของโรงแรม คือคุณกร เซลล์ที่ดูแลงานน่ารักมาก แอบมากระซิบว่าเห็นเราแต่งงานวันที่ 3 เมษายน ซึ่งวันเกิดของเจ้าบ่าวคือวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมเค้กไว้ให้ แล้วอยากให้เราเลือกคำเขียนหน้าเค้ก ดุ๋มก็เลยจัดเต็มเขียนว่า Happy Wife Happy Life ค่ะ(หัวเราะ) ซึ่งพอมีเค้กก็เลยมีช่วง Happy Birthday เพิ่มเข้ามานี่แหละค่ะ

       วันแต่งงานดุ๋มกับอาร์มปล่อยวางทุกอย่างเลยค่ะ เพราะกลัวจะเครียด แต่ว่างานที่ออกมา Perfect มาก ดีกว่าที่คิดไว้ ขนาดที่ว่าเวลาผ่านมานานแล้วคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนๆ ก็ยังพูดชมงานเราอยู่เลย ต้องขอบคุณออแกไนเซอร์ที่ช่วยดูแลบ่าวสาวและเรื่องต่างๆ ภายในงานเป็นอย่างดี 

       รวมถึงต้องขอบคุณทางโรงแรมมากๆ นอกจากสถานที่จะสวยถูกใจ อาหารในงานได้เยอะและอร่อยมากแล้ว พนักงานและการบริการยังดีมากด้วย เขาดูแลเราอย่างดี มีการอัพเกรดห้องพักให้ใหญ่ขึ้นและสวยมาก ถ่ายรูปสวยทุกมุมเลย วันงานเองก็รู้ว่าบ่าวสาวต้องยุ่ง จึงมีอาหารและ Afternoon Tea มาเตรียมไว้ให้ทานตลอด งานนี้เราทานจนไม่มีเวลาหิวเลยค่ะ(หัวเราะ) เซลล์ก็คุยง่าย ขออะไรไปก็พยายามหามาให้ เรื่องที่เราไม่รู้ มีปัญหาตรงไหน ก็จะคอยแนะนำ พนักงานที่อยู่ในงานก็ดี วันนั้นบ่าวสาวมีหน้าที่แค่ยิ้มสวยๆ จบงานก็ขึ้นห้องพักได้เลยแค่นั้นเองค่ะ(หัวเราะ) เราประทับใจทุกอย่างจริงๆ

แนะนำบ่าวสาว

ควรจ้างออแกไนเซอร์ : เพราะจะทำให้เตรียมงานได้ง่ายและสบายขึ้น ซึ่งควรเลือกทีมที่ดี ไว้ใจได้ว่าจะไม่ทิ้งงาน และเราคุยแล้วถูกใจไปเลย จะช่วยให้เตรียมงานได้อย่างสบายใจแล้วงานที่ออกมาก็จะดีค่ะ

ถ้าไม่จ้างออแกไนเซอร์ควรทำเช็คลิสต์ : จะได้รู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลังและไม่มีเรื่องตกหล่นจนต้องไปแก้กันหน้างานแล้วทำให้เครียด บรรยากาศไม่ดี นอกจากนี้ต้องคุยกันแต่เนิ่นๆ แล้วสรุปงานให้จบแบบส่งให้คนรับผิดชอบต่อไปได้ง่าย ทุกอย่างจะได้ราบรื่น

ควรใส่ใจเรื่องอาหาร : อย่าคิดว่าเราไม่ได้กินก็ช่างมัน เพราะอาหารเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันเยอะ คนให้ความสนใจ เนื่องจากทุกคนได้สัมผัส ถ้าเราเลือกอาหารที่ไม่ดี อาจมีเสียงติตามมาได้

ใส่ใจเรื่องที่จอดรถ : ต้องดูเลยว่าที่จอดมีรองรับเพียงพอหรือเปล่า ถ้าที่จอดไม่พอ สุดท้ายแขกต้องไปจอดไกลมาก ต้องเดินไกลมาก จะทำให้ลำบากค่ะ