




สวยสบาย จัดเลี้ยงสไตล์ผู้ใหญ่ชอบ @Plaza Athénée
ต๊ะเลือกจัดงานหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง เพราะสะดวกในหลายๆ อย่างค่ะ เรามีผู้ใหญ่ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดด้วย หากจัดแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเย็น ท่านอาจจะต้องรอนานระหว่างวัน ทั้งเราและผู้ใหญ่เลยเห็นตรงกันว่าจัดเลี้ยงรูปแบบนี้น่าจะดี ตอนเช้าก็จะมีการแลกสินสอด รับไหว้ และหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ สถานที่แต่งงานเราเลือกโรงแรม Plaza Athénée (พลาซ่า แอทธินี) ตามที่ผู้ใหญ่แนะนำให้ นอกจากจะชื่อเสียงดี ห้องดูใหม่กว่าโรงแรมที่อายุไล่เลี่ยกันแล้ว พื้นที่ที่ใช้ลง Backdrop ของเขาก็ดีค่ะ จัดได้ตามไอเดีย ไม่ติดโครงสร้างอะไร ที่จอดรถเยอะ เดินทางก็สะดวก


หยิบเอาไอเดียเก๋ไก๋มาใช้ในงานแต่ง
ช่วงเตรียมงานต๊ะเปิดดูหนังสืองานแต่งของเมืองนอกเยอะมาก พวกธีมสีกับดอกไม้ที่เราใช้ก็ได้มาจากทางนี้ เราเห็นดอกบานชื่นในนิตยสารก็ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นนามสกุลเราและไม่เคยเห็นคนเอามาจัดดอกไม้ได้สวยแบบนี้ เลยเอาภาพดอกบานชื่นจัดใส่แจกันไปให้ทีมตกแต่งดู แต่ก็บอกเค้าว่าไม่ต้องก็ได้นะคะ เพราะเข้าใจว่าแปลก น่าจะทำยาก ทางทีมตกแต่งก็น่ารักมาก บอกว่าเป็นไอเดียที่ดี จะลองเอาไปทำดูค่ะ โทนสีก็อบอุ่น เน้นเป็นโทนชมพูอมส้มไปค่ะ
สำหรับโฟลว์ของงาน หากแขกเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาจะเจอกับด้านหน้าอุโมงค์ก่อนค่ะ ผนังของเราทุกอันจะเพ้นท์สีด้วยมือ ด้านหน้าจะมีภาพถ่ายบ่าวสาวตอนไปเที่ยวด้วยกันประดับไว้ ตกแต่งด้วยดอกไม้ พอเดินเข้าไปก็จะผ่านบานประตู ซึ่งทีมตกแต่งจัดวางไว้เฉียงๆ ไล่เลเยอร์ให้เปิดปิดไม่เท่ากัน และเมื่อมองไปด้านบนก็จะเจอกับดอกไม้โรยตัวอยู่สวยงาม






สวยสดใหม่ด้วยไอเดียแต่งดอกไม้และภาพเพ้นท์มือ
ตรงเข้าไปอีกหน่อยจะเป็นแบ็คดรอปวาดมือค่ะ ปกติงานแต่งเดี๋ยวนี้อาจจะใช้แบบปริ้นท์มาโดยตรงเลย ของงานเราก็จะเป็นงานละเอียดนิดนึง นอกจากนี้ก็จะมีดอกไม้สดรายล้อม แขกฟีดแบคกันว่าดูเป็นการผสมผสานที่แปลกใหม่ดี
ส่วนด้านข้างเป็นแนวประตู ได้อารมณ์เหมือนวิลล่าอิตาลีที่วาดภาพลงไปบนผนังเลย ตัวโลโก้เราก็ดึงมาจากการ์ดงานแต่งเลยค่ะ


ของชำร่วยตรงรีเซปชั่นเราใช้เป็นช้อนเล็กๆ ตามที่คุณแม่เจ้าบ่าวรีเควส อันนี้มีสตอรี่มาจากตอนงานแต่งคุณแม่ที่ก็ใช้ช้อนเหมือนกัน มีความหมายมงคลเหมือนช้อนเงินช้อนทอง ก็เลยใช้สัญลักษณ์นี้ร่วมกัน แล้วแกะตัวย่อชื่อบ่าวสาวลงไป
สำหรับเรื่องชุด ต๊ะไม่ชอบแนวฟูๆ เพราะไม่ใช่สไตล์เรา สุดท้ายหลังจากบินไปเลือกที่ฮ่องกงมาหลายร้าน เลยมาลงตัวที่ชุดลูกไม้คอปาดเปิดหลัง ทรงเป็นแบบเข้ารูป ตัวชุดจะยาวลงมา บานตรงปลายกระโปรงและมีหางยาว ทำให้ได้อารมณ์เซ็กซี่นิดๆ แต่ยังดูเรียบร้อยอยู่ แล้วเราก็ประทับใจภาพเจ้าสาวแต่งงานในโบสถ์แล้วมีเวลยาวเรี่ยไปกับพื้น ถึงงานเราก็ขอใส่เวลยาวๆ บ้าง ส่วนเจ้าบ่าวเขาจะใส่สูทสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นสูทอิตาลีค่อนข้างเข้ารูปดีอยู่แล้วค่ะ


ช้อยส์ที่ใช่ ถูกใจทั้งผู้ใหญ่และบ่าวสาว
ส่วนการจัดเลี้ยง ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่อยากได้บุฟเฟ่ต์ เพราะแขกของท่านทั้งสองเยอะ รวมแขกงานนี้ทั้งหมดเกือบ 700 คน ทุกคนจะได้นั่ง แต่ต๊ะคิดว่าคนไทยไม่นิยมการ RSVP เวลาเราไปถามจะดูเหมือนไม่ยืดหยุ่น เขาจะกังวลว่าหากพาแขกมาเยอะจะไม่โอเครึเปล่า เราเลยเลี่ยงไปจัดค็อกเทล แล้วต่อรองกับโรงแรมให้ได้โต๊ะ 26 โต๊ะสำหรับแขกส่วนที่นั่งแทนค่ะ
เรื่องอาหารต๊ะก็ใส่ใจมาก เราอยากให้คนที่มาได้ทานของอร่อยเหมือนกับที่เราชอบ แต่เนื่องจากร้านที่จะเอาซุ้มเข้าในโรงแรมต้องได้มาตรฐานจริงๆ สุดท้ายเลยได้เป็นซุ้มซูชิ ซึ่งเป็นร้านญาติของเพื่อนมา บวกกับอาหารโรงแรม แล้วก็มีไลฟ์บรรยากาศในงานให้ดูกันเพลินๆ




นำประสบการณ์ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในช่วงพิธีการ
ช่วงพิธีการ มีการฉายวิดีโองานหมั้น แล้วจึงเชิญประธานขึ้นมากล่าวอวยพร แต่เพื่อความกระชับ ของงานเราจึงมีแค่ท่านเดียว จากนั้นเรามีสัมภาษณ์บ่าวสาวกันบนเวทีเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ช่วงแรกต๊ะคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ตอนไปแจกการ์ดเราเห็นว่าผู้ใหญ่หลายท่านรู้จักเราก็จริง แต่ไม่ได้รู้จักแฟนเรา มันจึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้แนะนำกันในช่วงนี้ไปเลย โดยคำถามที่ได้รับจากตอนแจกการ์ด เราก็เอามาแปลงเป็นบทสัมภาษณ์ ถัดจากนั้นก็มีตัดเค้ก มอบให้คุณพ่อคุณแม่ และแขกคนสำคัญในงาน กล่าวขอบคุณแขก แต่งานนี้เราไม่ได้มีโยนดอกไม้ค่ะ





อบอุ่นด้วยความรักและความยินดี
การจัดงานครั้งนี้ของต๊ะ เราโชคดีมากที่ได้เวนเดอร์ดีๆ ทำงานเต็มที่ ช่วยเราคุมงบประมาณด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีญาติๆ เพื่อนๆ ที่มาช่วยงาน มาหาเราด้วยความรักจริงๆ เพื่อนบางคนเล่าให้ฟังเลยว่า ผู้ใหญ่บางท่านสูงวัยมาก ถือไม้เท้าจูงมือมากันสองคนก็ยังมา บางคนบินมาจากต่างจังหวัด ต่างประเทศ มาถ่ายรูปกับเรา ทั้งที่สเกลงานเราแขกก็เยอะ อาจจะไม่ได้มีเวลาเทคแคร์เขามาก แต่ก็สัมผัสได้เลยว่าเขามาด้วยใจจริงๆ ต๊ะเลยได้รู้วันนั้นเองว่างานแต่งที่เราคิดว่าเป็นแค่วันวันเดียว แต่มันก็คือวันที่ทุกคนตั้งใจมาแสดงความยินดีกับเรา แสดงถึงความรักที่เค้ามีให้กับครอบครัวเราค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
บาลานซ์งบให้ดี : อย่างเทคนิคการเลือกซื้อของ ต๊ะเองก็เน้นว่าจะต้องลงเงินไปกับของที่ใช้ซ้ำได้ เช่น ต๊ะจะลงทุนกับเครื่องประดับมากกว่าชุด เพราะถือว่าใช้ไปได้อีกนาน รองเท้าที่ใช้ในวันงานก็สามารถใส่ไปงานราตรีอื่นๆ ได้ต่อ แบบนี้ถึงราคาสูงก็ถือว่ายังโอเค นอกจากนี้การดีลกับเวนเดอร์ที่คุมงบให้เราได้ก็จะช่วยได้มาก แค่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจนว่าเราให้ความสำคัญกับอะไรเป็นลำดับต้นๆ จะได้ลงงบได้ถูกจุดค่ะ
คนรันคิวสำคัญมาก : จากประสบการณ์การเป็นเพื่อนเจ้าสาว เราเห็นเลยว่าวันงานจริงเจ้าสาวจะไม่สามารถลงมาคุมงาน ดูแลงานได้เองทั้งหมด ดังนั้นการมีคนจัดการเรื่องเหล่านี้ให้ คอยประสานงาน จะช่วยให้ทุกอย่างสมูธ และที่สำคัญ ต้องให้คุณพ่อคุณแม่เข้าวางลำดับงานกับคนรันคิวด้วย เพราะอาจมีบางจุดที่เรามองข้ามไปแต่มีความสำคัญกับท่าน