เรียบง่ายแต่ดึงดูด @W Bangkok Hotel
คอนเซ็ปต์งานของเราจะเรียบๆ และมีความเป็น Abstract โดยเลือกใช้ธีมสีขาวเทา เพื่อให้ภาพรวมออกมาดูนิ่ง และสะท้อนตัวตนของบ่าวสาวได้มากที่สุดครับ และด้วยความที่ทั้งคู่ชอบงานดีไซน์และแฟชั่นอยู่แล้ว ก็เลยเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานที่ W Bangkok Hotel (ดับเบิ้ลยู กรุงเทพ) เพราะได้ลุคที่ดูทันสมัย
เราใช้แบ็คดรอปตั้งกระจายตัวอยู่ตรงบริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยงซึ่งมีลักษณะยาวเป็นพิเศษ ทำไว้ทั้งหมด 3 จุด สื่อความหมายถึงฤดูกาลของแฟชั่น โดยให้แขกในงานสามารถเลือกถ่ายกันได้ตามใจชอบ มีทั้งแบบที่เป็นบอลลูนเรืองแสง ที่สื่อแทนพระอาทิตย์ เป็นฤดู Summer และส่วนที่เป็นกระจกทรงสามเหลี่ยมตกแต่งด้วยลายหิมะ ก็จะหมายถึง Autumn/Winter อีกส่วนนึงเรานำภาพ Pre-wedding มาใช้ตกแต่งด้วยไฟนีออนดัด เป็นเวิร์ดดิ้งคำว่า Only this moment กับ Hold us together ซึ่งมาจากท่อนนึงในเพลงที่เราสองคนชอบครับ
มีสไตล์ตั้งแต่งานใหญ่ไปจนถึงรายละเอียด
ของชำร่วยของเราเป็นคลิปคั่นหนังสือที่ทำจากโลหะ แล้วสลักเวิร์ดดิ้งที่เราใช้ตรงแบ็คดรอปเข้าไปครับ แต่ปกติโลหะที่เป็นเงินจะถูกชุบผิวจนขึ้นเงา เราเลยต้องนำมาขูดให้มันดูเก่าๆ มีกิมมิคอีกที จะได้ไม่ดูเป๊ะจนเกินไป ที่สำคัญคือเรามีแบบตัวอย่างให้ดูตรง Reception ด้วย ว่าวิธีใช้ใช้ยังไง ใช้ออกมาแล้วจะหน้าตาเป็นแบบไหน แขกจะได้เห็นภาพง่ายๆ
ไฮไลท์หลักอยู่ที่ภาพ Pre-wedding และวิดีโอ Presentaion
เราตั้งใจถ่ายกันในสตูดิโอ เพื่อถ่ายทอดความเป็นตัวเราออกมาจริงๆ ครับ เสื้อผ้าก็จะดูมีสไตล์ หน่อย อย่างของเจ้าสาวก็จะเป็นลุคเท่ๆ สวมหมวก แล้วก็จะใช้เทคนิคกราฟิกในการตัดต่อ มีทั้งทำให้ซ้อนกัน หรือยืดขึ้นให้ดูสูงเป็นแบบ Abstract แขกในงานที่มาเห็นก็จะบอกว่าเหมือนกำลังเดินอยู่ในอาร์ตแกลอรี
ในส่วนของวิดีโอ ก็มีตัดต่อให้ดูเคลื่อนไหวสลับกันไปมา มีควันเสริมเข้ามาในภาพ (http://youtu.be/X_qEeQqMdfQ) นอกจากนี้แต่เดิมตัวห้องจัดเลี้ยงก็มีสีสันค่อนข้างเยอะ เลยยังดูไม่นิ่งแบบที่เป็นสไตล์เราเท่าที่ควร เราเลยใช้ผ้าขาวคลุมโต๊ะเก้าอี้ และบริเวณรอบๆ ห้อง แล้วยิงโปรเจ็คเตอร์สาดภาพเข้าไป ใช้ฉายทั้ง Presentaion และวิดีโอ Motion เลย
สำหรับตัววิดีโอ Motion เราจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อนำมาฉายให้แขกดูตลอดงาน มีทั้งลายเส้นแปลกๆ และภาพเรขาคณิตอื่นๆ ที่ช่วยเล่าเรื่อง แขกจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ มีอะไรให้ดูอยู่ตลอด
ส่วนเพลง Soundtrack ที่เราเปิดในงานจะเป็นเพลงที่เราเลือกกันเอง ผสมกันหลายๆ แนวจากที่เราชอบ มีทั้งเรโทรหน่อยๆ ไปจนถึงมินิมอลเทคโน และโดยปกติเจ้าบ่าวเป็นคนเล่นแผ่นเสียงอยู่แล้ว จะมีแค่ตอนบ่าวสาวเดินเข้างานเท่านั้นที่เราเลือกใช้เพลงโรแมนติก เป็นเพลง You and Me ของ Penny & the quarters ตบท้ายด้วย After Party ที่เชิญเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเจ้าบ่าวมาเป็นดีเจครับ
ตลอดการเตรียมงาน เราได้คุณ Settharath Maneelert มาช่วยเป็น Creative Director ให้ เขาจะรับหน้าที่ช่วยแปลความต้องการของเราให้ออกมาเป็นส่วนตกแต่งในงานทั้งหมด ลงรายละเอียดให้ว่ารูปแบบงานควรจะยังไง จัดวางตรงไหน แสงไฟยังไง เป็นหัวหลักของงานนี้ทางด้านการดีไซน์เลย แม้แต่ Motion ทั้งหมด เขาก็เป็นคนวาดให้ เป็น Artist ตัวจริงเลยครับ เรียกว่างานสำเร็จและออกมาถูกใจเราได้ขนาดนี้ เพราะมีเขาและทุกๆ คนช่วยดูแลให้เลย ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ จริงๆ ครับ
แนะนำบ่าวสาว
(เจ้าบ่าว) ช่วยกันเตรียมงาน : บ่าวสาวต้องช่วยกันคิดคอนเซ็ปต์งานก่อนครับ ตัดสินใจพร้อมๆ กัน เวลาคุยงานก็คุยพร้อมกัน จะได้ไม่มีปัญหาว่าคนนึงชอบ อีกคนไม่ชอบในภายหลัง แล้วก็ควรจะสะท้อนความเป็นตัวเราออกมาให้ได้มากที่สุด นำความชอบของเรามาใช้เป็นธีมงาน แล้วก็หา Ref ให้เจอ หา Organizer ที่เข้าใจในรสนิยมของเรา ความคิดตรงกัน และคุยกันรู้เรื่อง
(เจ้าสาว) เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก : ถึงเราจะมีแพลนเนอร์เป็นผู้ช่วย แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ควรจะคุยกันมากๆ เพื่อให้เข้าใจตรงกันไว้ก่อน และต้องวางแผนลำดับการเตรียมงานทุกอย่างให้ดี เพื่อไม่ให้กดดันหรือเกิดความเครียดในภายหลัง ถ้าทำได้ตามนี้แล้วทุกอย่างก็จะออกมาตรงตามเป้าหมายที่เราต้องการเองค่ะ